ลูกช่วงวัยอนุบาลจนถึงประถมต้นจะแสดงออกด้านอารมณ์เด่นชัดขึ้น มีความสนใจในเรื่องต่างๆค่อนข้างสั้น เวลาดีใจ เสียใจ โกรธ หรือกลัว ก็จะแสดงอารมณ์ออกมาเต็มที่ โดยการ กระโดด กอด ตบมือ โวยวาย ร้องไห้เสียงดัง ทุบตี ขว้างปาสิ่งของ ไม่พอใจเมื่อถูกห้าม ฯลฯ แต่เป็นเพียงเพียงชั่วครู่ก็จะหายไป เรามาทำความเข้าใจอารมณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกในวัยนี้กันก่อนดีกว่าค่ะ อารมณ์ด้านบวก…
งานนี้อาจไม่ได้เป็นเรื่องของสุขภาพโดยตรง แต่เป็นเรื่องของ “สุขภาพใจ” มากกว่า ซึ่งเฮียว่านะ ใครๆ ก็คงอยากเป็น “คนน่ารัก” ไม่มีหรอกที่อยากให้ใครก็ไม่ปลื้ม แบบชนิดที่เดินคล้อยหลังแล้วเม้าท์แบบทันที แต่ถ้าอยากจะเป็นที่รักมารีบอัพนิสัยตัวเองใหม่ดีกว่ามั้ย?
ถึงแฟนเราจะติดเกม เฉื่อยชา หาความโรแมนติกไม่เจอ แต่เขาก็มีข้อดีอยู่บ้างแหละน่า คุณสาวๆ เอามาปรับใช้บ้างขอบอกว่าเริ่ดจริง
เรื่องสุขภาพก็เหมือนกัน เพื่อนๆ นอนแปดชั่วโมง กินอาหารเช้า ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ทำไมถึงเหนื่อยล้าได้? วันนี้เฮียมีเฉลยมาฝากกัน ว่าพฤติกรรมแสนดีขนาดนี้… มันส่งผลตรงกันข้ามยังไงกันแน่!
เฮียเชื่อว่าหลายๆ คนที่กำลังนั่งอ่านบทความนี้อยู่คงต้องมีความเคยชินบางอย่างในชีวิตที่จะตัดจะเลิกพยายามเท่าไหร่ก็ทำไม่ได้ คำว่า “เคย” นี่มันมีอานุภาพกับคนเรามากจริงๆ นะครับ เฮียเองก็มีพฤติกรรมแบบนั้นเหมือนกัน แต่เพื่อนๆ รู้มั้ยว่า… บางพฤติกรรมเราไม่ควรจะปล่อยให้มันเป็นความเคยชินไป เพราะมันอาจย้อนกลับมาทำร้ายเพื่อนๆ ได้
คงไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูก เสียงดัง โวยวาย ร้องไห้ไม่หยุด กรี๊ด ลงไปนอนกับพื้น ตีอกชกหัว ขว้างปาข้าวของ ฯลฯ …. แต่คุณพ่อคุณแม่ทราบไหมคะ อาการเหล่านี้บางทีก็เกิดจากการกระตุ้นของผู้ใหญ่นั่นแหละค่ะ ดังนั้นถ้าไม่อยากได้ little monster ในบ้าน ต้องหยุด พฤติกรรมเหล่านี้ค่ะ!!!
แค่ตื่นเช้ากว่าเดิม ชีวิตก็เปลี่ยน เริ่มต้นวันใหม่แบบสุขภาพดี แถมยังลดน้ำหนักได้อีกด้วย 7 วิธีง่ายๆ ที่ไม่ทำไม่ได้แล้ว