อากาศที่แปรปรวน เดี๋ยวร้อน เดี๋ยวเย็นเดี๋ยวฝนตก หากร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจทำให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ หนึ่งในโรคที่มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วงนี้ที่อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย คือ โรคงูสวัด ว่าแล้วก็มาสำรวจตัวเองและคนรอบข้างกันว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยงหรือไม่ จะได้หาวิธีป้องกันตัวได้ทันท่วงที
เมื่อลมหนาวมาเยือนทำให้ร่างกายต้องปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิที่ลดลง หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะช่วงที่มีลมหนาวสลับกับอากาศร้อนหรือฝนที่ตก มักทำให้เกิดโรคที่มาจากไวรัส ซึ่งแสดงออกผ่านทางผิวหนัง ว่าแต่ 3 โรคผิวหนังจากเชื้อไวรัสที่มักป่วยกันมากจะมีโรคอะไรบ้างล่ะ?
แม้จะมีการประกาศว่าประเทศไทยเข้าสู่ช่วงฤดูร้อนอย่างเป็นทางการ แต่อากาศบ้านเราก็ยังเปลี่ยนแปลงกันไม่เว้นแต่ละวันเลยค่ะ บางวันร้อน บางช่วงฝนตก บางเวลาหนาวเย็น สภาพอากาศเช่นนี้อาจทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน ทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงอย่าง “เด็กเล็ก” และ “ผู้สูงอายุ” โรคที่มาพร้อมกับช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาว คือ โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ เช่น หอบหืด หรือหลอดลมอักเสบ โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม…
“โรคเริม” เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อไวรัส ชื่อ “เฮอร์ปีส์” (Herpes simplex)ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้มีอยู่ 2 ชนิด คือ ชนิด 1 (HSV-1) ชนิดที่ทำให้เกิดแผลบริเวณริมฝีปาก รวมถึงผิวหนังเหนือสะดือขึ้นไปและชนิด 2 (HSV-2) ชนิดที่มักจะพบบริเวณอวัยวะเพศ โรคเริมเป็นโรคติดต่อพบได้ในทุกวัย แต่พบได้บ่อยกว่าในวัยหนุ่มสาวและในวัยผู้ใหญ่
โรคงูสวัด (Herpes zoster) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสวาริเซลล่า ซอสเตอร์ (varicella zoster virus) ซึ่งเป็นไวรัสชนิดเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคสุกใส
“โรคมือเท้าปากเปื่อย”(Hand foot mouth syndrome) เกิดจากเชื้อไวรัสลำไส้ หรือ Eneterovirusหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่ที่พบคือ Coxsackie virus A16 และ Enterovirus71 พบบ่อยในเด็กทารกและเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี ในบ้านเราพบการระบาดตลอดทั้งปี