เด็กแรกเกิด-ทารก กับ “โรคอีสุกอีใส”
ว่าด้วยเรื่องอีสุกอีใส โรคที่พบมากในเด็กน้อยที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน แม้จะหายได้แต่ก็อย่ามองข้าม
ว่าด้วยเรื่องอีสุกอีใส โรคที่พบมากในเด็กน้อยที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน แม้จะหายได้แต่ก็อย่ามองข้าม
แผลเป็นแต่ละประเภทมีการดูแลและแก้ไขที่ต่างกัน รู้ไว้ก่อนจะกลายเป็นรอยแผลเป็นถาวร
งูสวัดเป็นการติดเชื้อไวรัสทั่วไปที่เส้นประสาท ซึ่งส่งผลให้เกิดผื่นที่เจ็บปวดจากตุ่มเล็กๆ บนแถบผิวหนังบริเวณใดก็ได้ในร่างกาย แม้ว่าผื่นจะหายไปแล้ว ความเจ็บปวดก็อาจดำเนินต่อไปอีกหลายเดือน
หลายๆ คนคงมีแผลเป็นอยู่แล้วโดยเฉพาะ แผลเป็นจากโรคอีสุกอีใส ที่เกิดได้เพราะการไอ จาม และติดต่อกันเป็นแพร่กระจายเชื้อไวรัส ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 อาทิตย์ ทางอากาศและสัมผัส ใช้สิ่งต่างๆ ร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อ สุดท้ายแล้วเมื่อฟักตัว ผู้ที่ได้รับเชื้อจะเริ่มมีอาการปวดหัว อ่อนเพลีย มีไข้ตํ่าๆ ไปถึงไข้สูงและขึ้นๆ ลงๆ อยู่ตลอด รวมถึงไม่อยากรับประทานอาหาร และสิ่งที่เห็นชัดที่สุดของจุดเริ่มต้นการเป็นแผลเป็นคือ เริ่มมีผื่นแดงจนพัฒนาไปเป็นตุ่มนูนน้ำใส ทำให้เกิดอาการคัน ระคายเคืองและอยากเกา ในช่วงนี้ หากใครทนไม่ไหวอาจจะใช้มือและเล็บเกา ทำให้ลุกลามก่อนจะหาย หากไม่มีติดเชื้อแบคทีเรียซํ้าอีก แผลตกสะเก็ดและเริ่มแห้งหลุดไปเองไม่เกิน 2 อาทิตย์ แต่ถ้าติดเชื้อแบคทีเรียอาจมีผลเป็นหนอง และการสัมผัสกับแผลเพื่อบรรเทาอาการคัน อาจะทำให้เกิดแผลเป็น รอยดำนั่นเอง
คุณแม่ตั้งครรภ์คงพอได้ยินผ่านหูผ่านตากันมาบ้าง เกี่ยวกับอันตรายของโรคอีสุกอีใสที่ทวีความรุนแรงมากกว่าปกติหากเกิดขึ้นขณะที่มีเจ้าตัวเล็กอยู่ในท้อง ทั้งนี้ ในกรณีที่โรคขึ้นแล้ว ไม่สามารถป้องกันได้ก่อนการตั้งครรภ์ คุณแม่ต้องดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเพื่อลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงของโรคลงค่ะ
แม้ไม่ใช่โรคที่รุนแรง แต่ “โรคสุกใส” ก็เป็นโรคที่คุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกน้อยวัยซนควรให้ความสนใจ เพราะเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ง่าย พบได้บ่อยในเด็กวัยเรียน
“โรคอีสุกอีใส” เกิดจากเชื้อไวรัส ที่มีชื่อว่า วาริเซลลา (Varicella virus) ซึ่งเป็นเชื้อชนิดเดียวกับที่ทำให้เป็นโรคงูสวัด โดยในประเทศไทยช่วงฤดูหนาวถึงต้นฤดูฝน (เดือน ม.ค.- มี.ค.) ทุกปี มักพบการระบาดของโรคอีสุกอีใสไม่อยากให้คุณและคนที่รักเจ็บป่วยด้วยโรคนี้ เรามารู้จักและเตรียมรับมือกับอีสุกอีใสกันค่ะ
เมื่อลมหนาวมาเยือนทำให้ร่างกายต้องปรับสภาพให้เข้ากับอุณหภูมิที่ลดลง หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้ โดยเฉพาะช่วงที่มีลมหนาวสลับกับอากาศร้อนหรือฝนที่ตก มักทำให้เกิดโรคที่มาจากไวรัส ซึ่งแสดงออกผ่านทางผิวหนัง ว่าแต่ 3 โรคผิวหนังจากเชื้อไวรัสที่มักป่วยกันมากจะมีโรคอะไรบ้างล่ะ?
โรคติดเชื้อที่แสดงอาการบนผิวหนัง พบได้ทั้งในเด็กและในผู้ใหญ่ แต่ลักษณะของผื่น บริเวณที่เกิดโรค ความรุนแรงแตกต่างกัน โดยเชื้อที่ก่อโรคมี 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย รา และปาราสิต ในส่วนของเชื้อไวรัสนั้นโรคที่พบบ่อย ได้แก่ โรคอีสุกอีใส, โรคงูสวัด และ โรคหูดข้าวสุกว่าแล้วเรามาทำความรู้จักทั้ง 3 โรคนี้กันดีกว่า
“โรคไข้สุกใส” (Chickenpox/Varicella) หรือที่หลายคนคุ้นเคยในชื่อ “โรคอีสุกอีใส” เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาไวรัส (Varicella virus) หรือ Human herpesvirus type 3 เป็นเชื้อตัวเดียวกับที่ทำให้เกิดงูสวัด ติดต่อโดยการหายใจเอาเชื้อไวรัสที่แพร่กระจายอยู่ในอากาศ มีระยะฟักตัว 10 – 20 วัน