ความเศร้าโศกเสียใจเป็นความรู้สึกอีกอย่างหนึ่งที่เราต้องพบเจอในชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพราะสาเหตุใดก็ตามที เมื่อเราต้องเผชิญกับช่วงเวลาเศร้าโศกจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ และปล่อยตัวให้จมอยู่กับมันนานเกินไปจนกลายเป็นโรคซึมเศร้าหรืออาจเกิดเหตุการณ์ร้ายเองมากกว่านั้นได้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่!
“โรคซึมเศร้า”เป็นโรคทางจิตเวชที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจไปจนถึงร่างกาย เช่นนอนหลับๆ ตื่นๆ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลงมาก หมดความสนใจต่อโลกภายนอก ไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป เหล่านี้ ทำให้ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจำนวนไม่น้อยเลือกที่จะหนีจากความทรมานทางจิตใจด้วยการ “ฆ่าตัวตาย”
เหมือนว่าจะเป็นเรื่องที่คุ้นหูและได้ยินกันมาบ่อยมากๆ แล้วกับเรื่องของ “ภาวะซึมเศร้า” แต่ที่น่าแปลกใจเมื่อโรคนี้เป็นข่าวครึกโครมแต่กลับมีเพียงคนไม่มากที่เข้าใจและรู้จักเกี่ยวกับโรคนี้กันจริงๆ
เพื่อนๆ รู้สึกหรือเปล่าครับว่า ในยุคที่อะไรๆ ก็ดูรวดเร็วไปเสียหมด ไม่ว่าจะเป็นความไวอินเตอร์เน็ท(?) วิถีชีวิตการกินอยู่แบบสะดวกพร้อมส่งถึงที่โดยที่ไม่ต้องพยายามมากนัก บางครั้งกลับเหมือนชีวิตถูกทอนความสุขออกไปทั้งที่ก็ได้รับความสะดวกสบายมากขึ้นแท้ๆ
เมื่อปีที่แล้วเราจะเห็นข่าวมากมายเกี่ยวกับเรื่องของ “โรคซึมเศร้า” ทั้งองค์การอนามัยโลก คาดว่าในแต่ละปีจะมีผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จเป็นจำนวนประมาณ 1 ล้านคน หรือคิดเฉลี่ยเป็น 1 คน ต่อทุก 40 วินาที
แต่เฮียจะพูดถึงทางออกที่หลายคนไม่รู้มาก่อนในการหยุดยั้งภาวะซึมเศร้าทั้งในคนที่กำลังจะเป็นและประสบปัญหาโรคนี้อยู่ วารสาร The British Journal of Sports Medicine ได้มีการตีพิมพ์การวิจัยที่ยืนยันว่า…
การสูญเสียนับเป็นประสบการณ์เลวร้ายที่ทุกคนย่อมเคยพบเจอ ซึ่งการสูญเสียนี้ย่อมนำมาซึ่งความเศร้าโศกเสียใจ ซึ่งอารมณ์ดังกล่าวเป็นปฏิกิริยาทางจิตใจที่เกิดขึ้นตามปกติ คนส่วนใหญ่สามารถผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้โดยไม่มีความผิดปกติทางจิตใจเกิดขึ้น แต่ในบางรายอารมณ์เศร้าโศกนี้รุนแรงและยาวนาน เรียกว่า อารมณ์เศร้าโศกที่ผิดปกติต่อการสูญเสีย
มีผลสำรวจพบว่า ผู้ชายชาวอเมริกันมากกว่า 5 ล้านคน มีอาการป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แถมส่วนใหญ่นั้นไม่รู้ตัวมาก่อนด้วยว่าตัวเองกำลังซึมเศร้าอยู่ ในประเทศไทยนั้นก็ไม่น้อยเลยทีเดียวกับภาวะซึมเศร้าที่ดูเหมือนจะหนักข้อมากขึ้นทุกวัน
ถ้าเพื่อนๆ เป็น “คนไทย” และอยู่ในวัยทำงาน เพราะเมื่อปี 2558 ที่ผ่านมา นายแพทย์พรเทพ ศีริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย ได้แถลงข้อมูลว่า ประชากรวัยทำงานช่วงอายุ 15-60 ปี ของไทยนั้นมีความเสี่ยงทางสุขภาพ เป็น 5 โรควายร้ายที่อาจต้องเจอ!
“โรคซึมเศร้า” แน่นอน เรารู้ว่ามันร้ายแรง แต่รู้หรือเปล่าว่า… โรคซึมเศร้า นั้นพาเราไปเจอโรคร้ายที่ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากเป็นนั่นก็คือ โรคมะเร็ง