ตลอดช่วงวัยชีวิตของมนุษย์ เกือบทุกคนต้องเคยประสบกับอาการท้องผูก ทั้งที่เป็นบ้างนาน ๆ ที ไปจนถึงได้รับความทุกข์ทรมานจากการขับถ่ายบ่อยครั้งหรือยาวนาน อย่างไรก็ตาม กว่าครึ่งของผู้ที่มีอาการท้องผูกสามารถกลับมาขับถ่ายได้เป็นปกติ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตรวมถึงพฤติกรรมต่าง ๆ
การขับถ่าย เป็นระบบกำจัดของเสียในร่างกายและช่วยควบคุมปริมาณของน้ำในร่างกายให้สมบูรณ์ ประกอบด้วย ไต ตับและลำไส้ เป็นต้น การดูแลให้ระบบขับถ่ายเป็นไปอย่างปกติถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากมีของเสียตกค้างอยู่ในลำไส้ ของเสียเหล่านั้นจะกลายเป็นสารพิษหมักหมมสะสมนำไปสู่อาการเจ็บป่วยได้
รู้ไหมว่าน้ำมีความสำคัญต่อร่างกายของคนเราอย่างไร และควรดื่มน้ำกี่แก้วต่อวันกันแน่จึงจะเหมาะสมที่สุด วันนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจกันว่า น้ำสำคัญมากแค่ไหนและควรดื่มปริมาณเท่าไหร่ต่อวัน
ท้องอืดเป็นเรื่องธรรมดามาก เราทุกคนสะสมก๊าซในระบบย่อยอาหารของเรา คนส่วนใหญ่ผายลมประมาณ 10 ครั้งต่อวัน หากเพื่อนๆ ผายลมบ่อยกว่านี้ เป็นประจำ นั่นอาจหมายความว่าเพื่อนๆ มีอาการท้องอืดมากเกินไปซึ่งมีหลายสาเหตุด้วยกัน
หลายครั้งเราได้เห็นถึงความคิดเห็นด้านสุขภาพทั้งแพทย์และผู้เชี่ยวชาญมักจะหันมาให้คำแนะนำเรื่องการดื่มน้ำ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ น้ำเปรียบเทียบได้กับยาและอาหารเสริมสุขภาพอื่นๆ แต่มีความสะดวกสบายและราคาไม่แพง
เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดสำหรับ “น้ำ” สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ ซึ่งไม่ได้เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ เพราะมีการศึกษาที่เชื่อถือได้ทำการยืนยันเกี่ยวกับการบอกว่า ดื่มน้ำช่วยลดน้ำหนักได้
อาหารเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต โดยเฉพาะผู้สูงอายุยังคงมีความต้องการพลังงานและสารอาหารที่มีคุณภาพสูงเพื่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพ จึงควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ให้เพียงพอและเหมาะสม
อาการปวดท้อง เป็นหนึ่งในอาการทั่วไปที่หลายคนต้องเคยเป็นในบางครั้ง ซึ่งความเจ็บปวดที่สุดคือ จะรู้สึกเหมือนเป็นตะคริวจนทำให้ปวดต้องงอตัว ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อได้
อาหารและการออกกำลังกายอาจเป็นส่วนประกอบสำคัญของการลดน้ำหนักสำหรับผู้หญิง แต่มีปัจจัยอื่น ๆ อีกมากมายที่มีบทบาท มีหลายการศึกษาแสดงให้เห็นว่า ทุกอย่างตั้งแต่คุณภาพการนอนจนถึงระดับความเครียดอาจมีผลกระทบอย่างมากต่อความหิว การเผาผลาญอาหาร น้ำหนักตัวและไขมันหน้าท้อง
ตด หรือการผายลม เป็นกระบวนการกำจัดแก๊สส่วนเกินออกจากระบบย่อยอาการของเรา ผ่านทางทวารหนัก โดยแก๊สสะสมในระบบย่อยอาหารเมื่อร่างกายประมวลผลอาหารที่เรากิน มันก่อตัวได้บ่อยที่สุดในลำไส้ใหญ่ เมื่อแบคทีเรียย่อยคาร์โบไฮเดรตที่ไม่ย่อยในลำไส้เล็ก