ด้วยความสงสัยว่าชาเขียวมีสรรพคุณตามคำโฆษณาจริงหรือไม่?
จึงสืบค้นข้อมูลจากหน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพรสำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดลทำให้พบงานวิจัยซึ่งศึกษาในคนไทย 60 คนนำหนักตัวเฉลี่ย 72 กิโลกรัม
นักวิจัยแบ่งอาสาสมัครออกเป็น2กลุ่มกลุ่มแรกให้รับประทานสารสกัดใบชาเขียว 1 แคปซูลซึ่งมีส่วนประกอบหลักคือ สารEGCG (Epigallocatechin Galtate) เป็นสารกลุ่มพอลิฟีนอลที่มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูงปริมาณ33.58 มิลลิกรัมหลังอาหาร 3 มื้อ ส่วนกลุ่มที่ 2 ให้กินยาหลอกซึ่งไม่มีส่วนผสมของสารสกัดใบชาเขียว
หลัง 12 สัปดาห์พบว่ากลุ่มที่กินสารสกัดใบชาเขียวมีน้ำหนักลดลงมากกว่ากลุ่มแรกอย่างชัดเจนประมาณ 3-5 กิโลกรัม
การศึกษานี้สรุปว่าการได้รับสารสกัดใบชาเขียวที่มีสาร EGCG วันละประมาณ 100 มิลลิกรัมสามารถเพิ่มการใช้พลังงานและเพิ่มการเผาผลาญไขมันจนมีผลทำให้น้ำหนักตัวลดลงได้
สอดคล้องกับงานวิจัยจากต่างประเทศ เช่น มหาลัยศูนย์การแพทย์แมริอลนด์ประเทศสหรัฐอเมริกาตีพิมพ์ผลงานวิจัยยืนยันว่าสารสกัดใบชาเขียวช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญสลายไขมันได้แต่อย่างไรก็ตามสำหรับการดื่มน้ำชาเขียวยังไม่มีผลการศึกษาที่ชัดเจน
คุณ แมรี่ โวย แรดบืลล์ นักกำหนดอาหารผู้เชี่ยวชาญด้านการลดน้ำหนักจากวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกามีความเห็นว่า
“ยังไม่มีความชัดเจนถึงปริมาณนำชาเขียวที่ควรดื่มเพื่อช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญจนนำไปสู่การลดนำหนัก”แม้การดื่มหลายแก้วตลอดวันอาจช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญไม่มากแต่เครื่องดื่มชาเขียวก็นับว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพในด้านอื่นๆ เช่นป้องกันโรคจากความเสื่อมและชะลอความชรา”
คุณแบรี่ สรุปว่า การเพิ่มระบบเผาผลาญที่ให้ผลดีกว่า คือ การออกกำลังเพื่อสร้างกล้ามเนื้อ กินอาหารพลังงานตำและทำกิจกรรมที่ได้เคลื่อนไหว ร่างกายสม่ำเสมอ