เป็นชาเขียวชนิดหนึ่งมีต้นกำเนิดที่ประเทศญี่ปุ่นผลิตโดนำยอดอ่อนมาอบไอนำโดยไม่ผ่านกระบวนการหมักและนวด เมื่อแห้งจึงนำมาบดกลายเป็นผงสีเขียวเป็นชาที่กินได้ทั้งใบจึงอุดมไปด้วยสารอาหารที่ไม่ละลายนำ เช่น ใยอาหารและเบต้าแคโรทีน
กินให้ถูกได้สุขภาพและลดอ้วนด้วย!
เมื่อละลายนำมัดชะจะกลายเป็นนำสีเขียวอ่อนสดใสนิยมชงโดยใช้ไม้ตีฟองผสมชาและนำร้อนให้เข้ากันขณะตีเสร็จใหม่ๆบนผิวหน้านำชาจะมีฟองละเอียดสีขาวปกคลุม ยิ่งตีนานนำชาจะกลายเป็นสีเขียวมรกตเข้มขึ้น
สำหรับวิธีชงชาที่ถูกต้องนั้น สมาคมผู้ฝึกสอนชาญี่ปุ่นแนะนำว่าควรกรองชาก่อนเพื่อไม่ให้ผงชาจับตัวเป็นก้อน จากนั้นใส่มัทฉะ 2 กรัม ลงในถ้วยชา รินนำอุณหภูมิปกติลงไปประมาณ 10 ซีซี ใช้ไม้ตีมัตชะกับนำให้เข้ากันแล้วจึงรินน้ำเดือดลงในถ้วยชา 50 ซีซี จากนั้นตีปงชาและนำร้อนให้เข้ากันจนเกิดฟองละเอียดเต็มบริเวณผิวด้านบนจึงยกไม้ตีชาออก จิบขณะอุ่น
มัทฉะอุดมไปด้วยสารคาเทชินและวิตามินต่างๆ โดยสารทาเคชินมีสารแอนติออกซิแดนต์ต้านมะเร็ง ลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ต้านเชื้อไวรัสไข้หวัด ต้านเชื้อแบคทีเรียในช่องปากจึงช่วยลดกลิ่นปาก ที่สำคัญสำหรับคนที่ต้องการลดความอ้วนแล้ว มัทฉะยังช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญ
ด้วยกลไกของการกระตุ้นปฏิกิริยาออกซิเดชันของไขมัน (Stimulates Fat Oxidation) มีรายงานวิจัยที่มีข้อมูลสนับสนุนว่า EGCG (สารที่อยู่ในมัทฉะ) ช่วยเพิ่มกระบวนการ การเผาผลาญพลังงานของเนื้อเยื่อไขมัน และมีรายงานการทดลองในคนแล้วว่า ช่วยลดความอ้วนได้ นอกจากนี้ มีงานวิจัยที่ทำในคนไทย โดยแบ่งผู้ที่น้ำหนักเกินเป็นสองกลุ่ม ได้รับสารสกัดชาเขียว และยาปลอม กลุ่มที่ได้รับชาเขียวมีน้ำหนักน้อยกว่า 2.7, 5.1 และ 3.3 ก.ก. ในสัปดาห์ที่ 4, 8 และ 12 ของการวิจัย
และยังมีงานวิจัยที่ดีรองรับสองงานวิจัย ในงานวิจัยแรก พบว่า เมื่อรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มชาในปริมาณปานกลางหรือปริมาณมากร่วมด้วย จะลดปริมาณ ไขมันในเลือดชนิด ไตรกลีเซอไรด์ลงได้อย่างมีนัยสำคัญ ในช่วง 6 ชั่วโมงหลังทานอาหารและดื่มชา โดยลดการเพิ่มระดับของไขมันชนิด ไตรกลีเซอรไรด์ในเลือดได้ถึง 15.1-28.7% อีกงานวิจัยพบว่า ผู้ที่ดื่มชาประมาณ สองถ้วยต่อวัน สามารถลดไขมันในเลือดชนิดโคเลสเตอรอลลงได้ – อ้างอิง รู้จัก ชามัทฉะ แบบเจาะลึก ชาเขียวญี่ปุ่นนี้ดียังไง โดย Chiangmaiteashop.com
เพิ่มเติมอีกสักเล็กน้อย ข้อมูลจากวารสาร American Physiological Society เปิดเผยว่า…
มัทฉะ 1 กรัม มีสารทาเคชินสูงถึง 150 มิลลิกรัมมีค่าโอแรค (ORAC) หรือค่าที่ใช้วัดประสิธิภาพสารแอนติออกซิแดนท์ถึง1,300 กรัม เมื่อเทียบกับผลไม้ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์ประสิทธิภาพสูงชนิดอื่น เช่น ทับทิม ซึ่งมีค่าโอแรค 105 และบลูเบอรี่ 93 นอกจากนี้ยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซีและอีจึงช่วยชะลอวัยทำให้ดวงตาและผิวพรรณสดใสอีกด้วย
เรียกได้ว่าได้ประโยชน์หลายทางเลยก็ว่าได้ หลังจากได้อ่านบทความไขความลับกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆ อย่าลืมไปหาชามัทฉะมาดื่มกันสักแก้วนะคะ