ร่างกายต้องการพลังงาน (ในรูปแบบของแคลอรี่) สำหรับปฏิกิริยาทางเคมีที่ซับซ้อนทั้งหมดที่ช่วยให้เราเคลื่อนไหว หายใจ คิดและทำงานได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามความต้องการแคลอรี่รายวันแตกต่างกันไปในแต่ละคนและยังมีปัจจัยต่างๆ เช่น น้ำหนัก เพศ พันธุกรรมรวมไปถึงระดับกิจกรรม
และหากต้องการลดน้ำหนัก จำเป็นต้องเผาผลาญแคลอรีมากกว่ากิน นอกจากนี้การออกกำลังกายจะช่วยให้เราเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้น แต่ด้วยไลฟ์สไตล์ในปัจจุบันนั้นเรานั่งทำงานทั้งวันเป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นตัวการทำน้ำหนักขึ้นและเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพรูปแบบอื่นๆ ด้วย
ดังนั้น “การเดิน” เพื่อออกกำลังกายหรือเพิ่มการเคลื่อนไหวจึงเป็นทางเลือกที่เราสามารถสอดแทรกเข้าไปในการใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างง่ายดาย เพราะการเดินบ่อยๆ ช่วยให้เราเผาผลาญแคลอรีได้มากขึ้นและลดความเสี่ยงด้านสุขภาพด้วยเช่นเดียวกัน
น่ารู้: การเดินระยะทาง 1.6 กม. จะเผาผลาญแคลอรี่ได้ประมาณ 100 แคลอรี ขึ้นอยู่กับเพศและน้ำหนัก (อ้างอิง)
แล้วการเดินช่วยลดหน้าท้องได้อย่างไร?
ไขมันหน้าท้อง หรือบริเวณรอบเอวนั้นเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคต่างๆ เช่น เบาหวานชนิดที่ 2 และโรคหัวใจ โดยผู้ชายที่มีรอบเอวมากกว่า 40 นิ้ว และผู้หญิงที่มีรอบเอวที่สูงกว่า 35 นิ้ว มีโรคอ้วนในช่องท้องซึ่งถือว่าเป็นความเสี่ยงต่อสุขภาพ
หนึ่งในวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการลดไขมันหน้าท้องคือการมีส่วนร่วมในการออกกำลังกายแบบแอโรบิคอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งก็คือ “การเดิน” นั่นเอง
มีการศึกษาที่น่าสนใจ ดังนี้ค่ะ
- ในการศึกษาหนึ่ง (อ้างอิง) ให้ผู้หญิงที่เข้าเกณฑ์อ้วนเดิน 50-70 นาที 3 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ โดยเฉลี่ยลดรอบเอวลง 1.1 นิ้ว และลดไขมันในร่างกาย 1.5%
- จากการศึกษานี้ (อ้างอิง) พบว่า คนที่ได้ควบคุมแคลอรี่และเดินเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 5 ครั้งต่อสัปดาห์เป็นเวลา 12 สัปดาห์ สามารถลดรอบเอวได้ 1.5 นิ้วและลดไขมันในร่างกายมากขึ้น 1.3% เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ลดแคลอรี่เพียงอย่างเดียว
นอกจากนี้ การเดินสามารถช่วยป้องกันการสูญเสียกล้ามเนื้อบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อเราลดน้ำหนัก ช่วยป้องกันอัตราการเผาผลาญที่ลดลงด้วย