สำหรับการออกกำลังกายเคยรับรู้มาว่าไม่ควรกินอาหารเพราะจะทำให้จุกกันได้ แต่ก็มีบางคนบอกว่าควรกินเพราะจะทำให้มีพลังงานไปออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ และเพื่อจะได้ไม่ต้องมาถกเถียงกันว่าแบบไหนดีกว่ากัน เราจึงนำข้อมูลดีๆมาฝากกันเกี่ยวกับประเด็นนี้ ตามนี้ค่ะ
สิ่งที่ถูกต้องคือ…
หากจะกล่าวตามหลักโภชนาการ สิ่งที่ถูกต้องคือ ควรรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายเพื่อจะได้ทำให้มีพลังงานอย่างเพียงพอสำหรับการออกกำลังกาย แต่… ต้องทิ้งระยะเวลาเพื่อให้กระเพาะอาหารย่อยอาหารที่รับประทานไปให้หมด อย่าเป็นแบบรับประทานเสร็จปุ๊บ ไปออกกำลังกายปั๊บ แบบนี้ไม่ดีแน่ๆ ควรปล่อยให้ร่างกายได้ย่อยอาหารและสูบฉีดเลือดเพื่อนำพลังงานส่งต่อไปหล่อเลี้ยงกล้ามเนื้อมัดต่างๆ เพื่อจะได้แลกเปลี่ยนออกซิเจนและเผาผลาญพลังงาน
อีกทั้งร่างกายจะได้พร้อมในการสูบฉีดเลือดเพื่อไปรับเอาของเสียจากเซลล์ที่เกิดขึ้น ระหว่างที่เราออกกำลังกายเพื่อขับถ่ายออกนอกร่างกายอีกด้วย
แล้วทำไมจุก?
หากเรารับประทานอาหารมากเกินไป ก่อนออกกำลังกาย ก็จะทำให้เกิดอาการท้องอืด จุก เสียด แน่นอาหารไม่ย่อยได้ในที่สุด แต่ในทางกลับกันหากปล่อยให้ท้องว่างนานเกิน 6 ชั่วโมงแล้วค่อยออกกำลังกาย ร่างกายก็จะรู้สึกอ่อนแอและไม่มีแรงได้เช่นกัน
ซึ่งวิธีที่เหมาะสม ก็คือทานอาหารก่อนออกกำลังกายอย่างน้อย 30 นาทีนั่นเอง
กินก่อน อย่างนั้นกินแล้วไปออกกำลังกายเลยได้มั้ย
หากเรารับประทานอาหารแล้วออกกำลังกายทันที กระแสเลือดซึ่งแทนที่จะมีหน้าที่ขนส่งออกซิเจนและพลังงานตรงไปที่กล้ามเนื้อ ก็กลับต้องมายุ่งอยู่กับระบบย่อยอาหารและการดูดซึมพลังงาน จึงอาจทำให้บางครั้งกล้ามเนื้ออาจจะขาดออกซิเจนหรือพลังงานกะทันหัน และเกิดอาการหดเกร็งที่เรียกว่าเป็นตะคริวขึ้นได้ระหว่างการออกกำลังกาย นั่นเอง
การรับประทานอาหารก่อนออกกำลังกายมีหลักง่ายๆว่า ยิ่งเข้าใกล้เวลาออกกำลังกายมากเท่าไร ให้รับประทานอาหารให้พลังงานน้อยลงเท่านั้น และเว้นช่วงให้กระเพาะได้ทำงานบ้าง ที่สำคัญไม่ควรปล่อยให้ร่างกายหิวโหยจนขาดพลังงานก่อนการออกกำลังกายด้วยเช่นกัน