ทำอย่างไรให้ครองความฟิตแอนด์เฟิร์มได้ตลอดเวลา

0

คุณสามารถออกกำลังกายต่อไปได้หรือไม่เมื่อแรงจูงใจของคุณน้อยลงหรือหมดไป รวมทั้งปัจจัยอื่นๆสภาวะอากาศไม่ดี หรือแม้แต่ภารกิจงานของคุณล้นหลามอยู่ก็ตาม  เมื่อพูดถึงการออกกำลังกาย เรานึกถึงวิธีการ “ฟิต” แต่บ่อยครั้งการเริ่มต้นไม่ใช่ปัญหา แต่ปัญหาใหญ่คือการรักษาไว้  Falko Sniehotta ศาสตราจารย์ด้านเวชศาสตร์พฤติกรรมและจิตวิทยาสุขภาพที่มหาวิทยาลัยนิวคาสเซิล บอกว่าหลักเกณฑ์อย่างเป็นทางการ คือผู้ใหญ่ควรออกกำลังกายแบบเน้นความแข็งแกร่ง รวมทั้งออกกำลังกายระดับปานกลาง 150 นาที หรือออกกำลังหนัก 75 นาทีทุกสัปดาห์ ซึ่งจากผลสำรวจ ผู้ชายกว่า 34% และผู้หญิง 42% ไม่ได้ออกกำลังกายตามเป้าหมาย และมากกว่านั้น 69% และ 77% ตามลำดับ ยังทำกิจกรรมเสริมสร้างความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ในขณะเดียวกันโรคอ้วนกำลังเพิ่มโรคเรื้อรังระยะยาวที่เป็นอันตรายถึงชีวิตได้

ดังนั้นเราทุกคนรู้ว่าเราควรจะทำให้ฟิตมากกว่านี้ แต่เราจะเคลื่อนไหวต่อไปได้อย่างไรเมื่อแรงจูงใจของเราลดน้อยลงไปไป มาลองใช้คำแนะนำ 25 ข้อจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้คุณกลับมาฟิตอีกครั้ง

1. หาเหตุผล 

อย่าเพิ่งออกกำลังกาย เหตุผลของเราในการเริ่มออกกำลังกายเป็นพื้นฐานว่าเราจะรักษามันไว้หรือไม่ Michelle Segar ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนโยบายด้านกีฬา สุขภาพและกิจกรรมของมหาวิทยาลัยมิชิแกนบอกว่าบ่อยครั้ง สังคมส่งเสริมการออกกำลังกายและความฟิตโดยดึงแรงจูงใจระยะสั้น ความรู้สึกผิด และความละอาย เพราะคนหนุ่มสาวจะไปยิมมากขึ้นหากเหตุผลของพวกเขาขึ้นอยู่กับความสนใจในรูปร่างหรือรูปลักษณ์ที่คนมองเห็น แต่เมื่อเกินอายุ 20 ต้น ๆ การฟิตของเราซึ่งไม่ได้กระตุ้นแรงจูงใจมากนัก  Segar ผู้เขียน No Sweat: How the Simple Science of Motivation can bring you a life of fitness กล่าวว่าเราจะประสบความสำเร็จมากขึ้นถ้าเรามุ่งเน้นไปที่ความรู้สึกเชิงบวกในทันที เช่น การลดความเครียด เพิ่มพลังงาน และหาเพื่อนใหม่ วิธีเดียวที่เราจะจัดลำดับความสำคัญของเวลาในการออกกำลังกายคือถ้าจะให้ประโยชน์บางอย่างที่น่าสนใจและมีคุณค่าต่อชีวิตประจำวันของเรานั่นเอง

2. เริ่มต้นอย่างช้าๆ 

อันตรายของคนโดยทั่วไปคือ ผู้คนเริ่มจากการเริ่มต้นอย่างหนักก่อนเป็นการกระโดดลงไปและทำทุกอย่าง เปลี่ยนอาหาร เริ่มออกกำลังกาย หยุดดื่มและสูบบุหรี่ และภายในสองสามสัปดาห์จะทำให้พวกเขาสูญเสียแรงจูงใจ หรือเหนื่อยเกินไป หากคุณไม่ฟิตก็ต้องใช้เวลา ให้คุณใช้แนวโน้มของการฝึกแบบช่วงเวลาที่มีความเข้มข้นสูง (HIIT) แต่การทำอย่างนั้นทุกวันจะเข้มข้นเกินไปสำหรับคนส่วนใหญ่ ให้ทำสัปดาห์ละครั้ง (หรือสองครั้งอย่างมากที่สุด) ร่วมกับการวิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ และเดินเร็ว บวกกับสลับออกกำลังกายแบบ 1 วันพักสองหรือสามวัน อย่างน้อยก็ในเดือนแรกนั่นจะทำให้มีโอกาสได้พักฟื้นควบคู่ไปกับการออกกำลังกายที่มีความเข้มข้นสูง

3. คุณไม่จำเป็นต้องรักการออกกำลังกาย  

แต่ให้หาประเภทกิจกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวกับออกกำลังกายแทน เช่น ขี่จักรยาน หรือโรลเลอร์เสกตที่คุณเคยชื่นชอบเมื่อตอนเด็กๆ แต่อย่ารู้สึกว่าคุณต้องสนุกกับการออกกำลังกายจริงๆ เพราะหลายคนที่ยึดติดกับการออกกำลังกายพูดว่า ฉันรู้สึกดีขึ้นเมื่อฉันทำ อย่างไรก็ตาม ถ้ามีกิจกรรมที่น่าจะสนุก และทำให้ให้ การตอบสนองของร่างกายและความรู้สึกที่แข็งแรงขึ้น และ ความสุขที่มาพร้อมกับการเรียนรู้กีฬา Sniehotta ซึ่งเป็นผู้อำนวยการหน่วยวิจัยเชิงนโยบายของสถาบันวิจัยสุขภาพแห่งชาติด้านพฤติกรรมศาสตร์กล่าวว่า สำหรับคนจำนวนมาก มีทางเลือกที่ชัดเจนไม่จำเป็นต้องเป็นแบบที่พวกเขาต้องการ  ดังนั้นอาจจะแค่มองแค่กิจกรรมมข้างนอก เช่น เป็นกีฬาหรืออะไรง่ายๆ ที่แตกต่างกัน หรือแม้การทำกิจกรรมกับผู้อื่น

4. ใจดีกับตัวเอง แรงจูงใจส่วนบุคคล 

เป็นเพียงส่วนหนึ่งของภาพรวมที่ใหญ่ขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องรายได้ เรื่องภายในบ้านที่คุณอาศัยอยู่  ล้วนเป็นสิ่งอาจสกัดให้คุณมีแรงจูงใจในการฟิตที่น้อยลง  Sniehotta บอกว่า ความเหนื่อยล้า ซึมเศร้า ความเครียดจากการทำงาน หรือสมาชิกในครอบครัวที่ป่วย ล้วนส่งผลต่อการออกกำลังกาย  หากมีการสนับสนุนมากมายรอบตัวคุณ คุณจะพบว่าการออกกำลังกายนั้นง่ายขึ้น และถ้าคุณอาศัยอยู่ในบางส่วนของประเทศ คุณอาจจะรู้สึกสบายใจที่จะทำกิจกรรมกลางแจ้งมากกว่าที่อื่น สรุปได้ว่าคนที่ออกกำลังกายไม่เพียงพอก็แค่ขาดแรงจูงใจก็เป็นปัญหานั่นคือเรื่องจริง

ดังนั้นให้ข้ามความคิดอุดมคติของการไปยิม 5 วันต่อสัปดาห์ เมื่อเริ่มต้นให้คุณวิเคราะห์เกี่ยวกับงานและความต้องการที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว เพราะถ้าคุณตั้งเป้าหมายที่ใหญ่เกินไป จะทำให้คุณล้มเหลวและยังรู้สึกแบบนั้นด้วย และในตอนท้ายของสัปดาห์ให้คุณลองไตร่ตรองถึงสิ่งที่ทำได้ผลและไม่ได้ผลอีกครั้ง 

5. ถ้าคุณต้องการพลังใจในการทำบางสิ่ง หมายความว่าคุณไม่อยากทำจริงๆ

ดังนั้นถ้าให้นึกถึงการออกกำลังกาย ในแง่ของเหตุผลที่เราทำและสิ่งที่เราต้องการได้รับจากการออกกำลังกาย วันนี้ฉันจะได้ประโยชน์อย่างไร ฉันรู้สึกอย่างไรเมื่อเคลื่อนไหว? ฉันรู้สึกอย่างไรหลังจากออกกำลังฟิตร่างกาย

6. ค้นหาจุดมุ่งหมาย

อะไรก็ตามที่ช่วยให้คุณออกกำลังกายได้ในขณะที่ทำเป้าหมายอื่น ๆ “มันทำให้คุณมีความพึงพอใจมากขึ้นและค่าใช้จ่ายในการไม่ทำก็สูงขึ้น” เช่น เดินหรือปั่นจักรยานไปทำงาน หรือหาเพื่อนด้วยการเข้าร่วมชมรมกีฬาหรือวิ่งกับเพื่อน หรือเป้าหมายคือการใช้เวลากับภายนอก และการวิ่งช่วยคุณได้ รวมทั้งพยายามรวมกิจกรรมทางกายเข้ากับอย่างอื่น ตัวอย่างเช่น ในที่ทำงาน ไม่ได้ใช้ลิฟต์และพยายามลดอีเมล ดังนั้นเมื่อเป็นไปได้ ลองให้การฟิตเป็นการออกเดินไปทางผู้คนที่โต๊ะแทน ในระหว่างวัน เดินไปทำงาน เดินไปมาในอาคาร และจริงๆ พอกลับมาดูคุณอาจจะเดินไปถึงหลักหมื่นก้าวในแต่ละวันเลยทีเดียว ดังนั้นพยายามทำให้การออกกำลังกายบรรลุเป้าหมายที่มีความหมายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้

7. ทำให้เป็นนิสัย 

แค่เพียงคุณเริ่มฟิตโดยวิ่งออกไป ให้เรียกว่าแค่ออกจากประตูก็เหนื่อยได้ ทั้งการหารองเท้า ขวดนํ้า การคำนวณเส้นทางชองคุณทั้งหมดนี้เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่กี่ยวข้องกับกิจกรรมอีกต่อไปการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและวางแผนเพื่อ “ช่วยให้เป็นพฤติกรรมที่ยั่งยืน” จะช่วยเซสชันที่ขาดหายไปไม่ได้

นี่เป็นเพียง 7 จาก 25 ข้อที่จะทำให้คุณฟิตร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และสามารถปรับใช้ได้เมื่อคุณขาดแรงจูงใจ พลังร่างกาย หรือแม้แต่จัดการกับชีวตประจำวันอันแสนยุ่งเหยิงแต่ไม่พลาดการฟิตร่างกายค่ะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *