เรียกได้ว่าเป็นกระแสบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะบน TikTok เป็นอย่างมากกับกระแสการลดน้ำหนักแบบ 30-30-30 เพราะได้รับการรีวิวจากบรรดาอินฟลูเอนเซอร์ต่างชาติมากมายว่าเป็นวิธีที่ช่วยให้การลดน้ำหนักได้ผลดีมากอีกวิธีหนึ่งเลยทีเดียว
ว่าแต่มันจะจริงหรือ? และ 30-30-30 มันคืออะไรกัน?
กฎ 30-30-30 เป็นวิธีลดน้ำหนักโดยให้เรากินโปรตีน 30 กรัมภายใน 30 นาทีหลังตื่นนอน (เยอะมากกกก) ตามด้วยการออกกำลังกายแบบความเข้มข้นต่ำ 30 นาที แน่นอนว่าหลังจากกฏที่ถูกตั้งขึ้นเหล่านี้ ก็ไม่มีข้อจำกัดอื่น ๆ อีก เช่น ต้องจำกัดแคลอรี่ต่อวัน หรือว่าต้องออกกำลังกายเพิ่ม
วิธี 30-30-30 ได้ผลหรือไม่?
เป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกันค่ะที่จะพูดได้อย่างชัดเจนว่าวิธี 30-30-30 ใช้ได้ผลหรือเปล่า หรือมันสามารถนำไปสู่การลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ เนื่องจากยังไม่ได้รับการศึกษาอย่างเข้มงวด Tara Schmidt นักโภชนาการชั้นนำที่ Mayo Clinic ให้สัมภาษณ์กับกับ TODAY.com ว่า ประสิทธิผลของการรับประทานอาหารหรือแผนการออกกำลังกายจะขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและเป้าหมายด้วยเช่นเดียวกัน1
แต่เราแบ่งตั้งข้อสังเกตได้จากแต่ละวิธีการของมันนะคะ ตามนี้เลย
อาหารเช้าและการลดน้ำหนัก
แม้ว่าการรับประทานอาหารเช้าจะมีประโยชน์มากมาย แต่จะช่วยลดน้ำหนักได้หรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับอาหารด้วย ในการศึกษา National Weight Control Registry ผู้ที่รักษาการลดน้ำหนักในระยะยาวมักจะกินอาหารเช้าทุกวัน อาจเป็นปัจจัยหนึ่งในความสำเร็จนั้น2 กฎ 30-30-30 แนะนำให้รับประทานอาหารเช้าภายใน 30 นาทีหลังตื่นนอนโดยเฉพาะ และที่สำคัญกว่านั้นคือ อาหารเช้ามีโปรตีน 30 กรัม สิ่งนี้สร้างความแตกต่างหรือไม่? จำเป็นจะต้องเอาน้ำหนักไปวัดด้วยเหมือนกัน วิธีคิดง่าย ๆ คือเรามีน้ำหนักเท่าไหร่ ก็ให้กินปริมาณกรัมเท่านั้น แต่กรณีที่เรากินตั้งแต่เช้า แล้วกินเกิน โปรตีนเหล่านั้นอาจเปลี่ยนเป็นไขมันได้เหมือนกัน
การออกกำลังกายความเข้มต่ำเพื่อลดน้ำหนัก
ขั้นตอนสุดท้ายของวิธีนี้คือออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอแบบความเข้มข้นต่ำและสภาวะคงตัว (LISS) เป็นเวลา 30 นาทีทุกเช้าหลังอาหารเช้า การออกกำลังกายประเภทนี้จะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นแต่ไม่สูงเกินไป ดังนั้นคุณจึงสามารถรักษาอัตราการเต้นของหัวใจไว้ได้เป็นระยะเวลานานขึ้น เช่น การเดินเร็ว ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือใช้เครื่องเดินวงรี ซึ่งวิธีนี้ก็น่าจะช่วยให้เพิ่มการเคลื่อนไหวและเพิ่มการเผาผลาญได้ดี
ดังนั้น การลดน้ำหนักแบบ 30-30-30 เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีลดความอ้วนที่น่าสนใจ ใครอยากลองทำดู ต้องดูเงื่อนไขของโรคประจำตัวที่เราเป็นด้วยนะคะ