การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและเหมาะสม จะทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง สามารถป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสภาพร่างกายได้ โดยทั่วไปแล้วจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ร่างกายของเราเผาผลาญได้มากขึ้นกว่าปกติ ผลที่ตามมาคือรูปร่างที่ฟิตแอนด์เฟิร์มยิ่งขึ้น เรียกว่าเป็นตัวช่วยหุ่นสวยสุขภาพดี
1. เต้นแอโรบิก
การเต้นแอโรบิก คือการขยับร่างกาย ให้กล้ามเนื้อมีการทำงานต่อเนื่องทุกสัดส่วน เมื่อกล้ามเนื้อมีการทำงานตลอด ก็จะเป็นการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง ไม่หย่อนคล้อย ทั้งยังสนุกสนานเพราะทำไปพร้อมกับเพลง ช่วยลดความเบื่อหน่ายได้
2. ปั่นจักรยาน
หากทำต่อเนื่องตั้งแต่ 30 นาทีขึ้นไปในทุกวันจะเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยเฉพาะสุขภาพของหัวใจและปอด ทั้งนี้ หากให้ได้ผลในการลดน้ำหนัก ควรถีบจักรยานให้ต่อเนื่อง 90 นาที/ครั้ง ที่ความเร็ว 24 กิโลเมตร/ชั่วโมง 3-5 วันต่อสัปดาห์
3. เดิน
เป็นการออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกต่ำและปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่มีอาการปวดข้อเข่าหรือเข่าเสื่อม การเดินด้วยความเร็ว 3กิโลเมตร/ชั่วโมง ต่อเนื่อง 30 นาที จะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 75 แคลอรี่
4. คีตะมวยไทยแอโรบิก
เป็นรูปแบบการออกกำลังกายที่ผสมผสานระหว่างศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทยกับจังหวะดนตรี จึงได้ทั้งความสนุก และสุขภาพที่ดี รวมถึงช่วยลดน้ำหนัก เพิ่มประสิทธิภาพของร่างกาย ทั้งระบบหัวใจ ระบบไหลเวียนเลือด กล้ามเนื้อ เอ็นข้อต่อ
5. การเต้นบัสสโลบ (Paslop)
เป็นการเต้นที่มีการขยับร่างกายช้าๆ ซ้ายขวา และแตะเท้าตามจังหวะเพลง ใช้ท่วงท่าการเต้นพร้อมเสียงเพลง ส่งเสริมความสามัคคีในหมู่ผู้เต้น และเนื่องจากเป็นการออกกำลังกายที่มีการขยับร่างกายทุกส่วน จึงมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนัก
6. ว่ายน้ำ
เป็นการออกกำลังกายที่ค่อนข้างปลอดภัย และมีอัตราการบาดเจ็บต่ำ ความที่เป็นการออกกำลังที่ผสมกันระหว่าง คาร์ดิโอ และการสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและกระชับ การว่ายน้ำจึงช่วยลดน้ำหนักได้ โดยว่ายน้ำวันละ 30 นาที 3 วันต่อสัปดาห์
7. โยคะ
เป็นกิจกรรมที่ใช้ร่างกายและสมาธิในการปฏิบัติ เหมาะกับคนทุกวัย ช่วยในการทำงานของระบบต่างๆ ทั้งนี้ การออกกำลังกายด้วยโยคะอย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน จะช่วยให้เผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 120-178 แคลอรี (ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว)
8. กระโดดเชือก
เป็นการออกกำลังกายคาร์ดิโอที่ได้ผลดี เพราะต้องออกแรงมาก การกระโดดเชือกที่ถูกต้องนั้นจะกระโดดแค่ต่ำๆ สูงไม่เกิน 1-2 นิ้วจากพื้น การวางท่าทางขณะกระโดด จะต้องเปิดส้นเท้า ใช้ปลายเท้ารับน้ำหนักตัว และงอเข่าด้วยเล็กน้อยเสมอ
9. วิ่ง
การวิ่งเพื่อสุขภาพ จะวิ่งในระดับความเร็วที่วิ่งได้คุยได้ และมีเหงื่อออกพอสมควร แต่หากต้องการลดน้ำหนัก แนะนำให้ใช้สูตรการวิ่งแบบ 2:1 นั่นก็คือ วิ่ง 60 วินาที แล้วพักเดิน 30 วินาที ช่วยให้เผาผลาญแคลอรีได้มาก รวมถึงช่วยลดสัดส่วนได้
10. บอดี้เวท (Body Weight)
เป็นการออกกำลังกายโดยใช้น้ำหนักตัวเราเอง มีความสะดวก สามารถทำได้เองที่บ้าน เผาผลาญพลังงานและไขมันได้รวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพและความยืดหยุนของกล้ามเนื้อได้ ท่าบอดี้เวทที่แนะนำ เช่น Squat, Plank, Incline Push up
อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้การออกกำลังกายเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนัก ควรควบคุมอาหารควบคู่กับการเลือกวิธีการออกกำลังกายที่มีประสิทธิภาพจะช่วยให้เห็นผลเร็วยิ่งขึ้น