IF VS Eat-Stop-Eat อะไรดีกว่า? และได้ผลจริงหรือไม่?

0

เรียกว่ากลับมาเป็นกระแสอีกครั้ง กับ IF intermittent fasting หรือที่หลายๆ คนอาจรู้วิธีการดี มีอาหารจำนวนมากที่ตอนนี้จัดอยู่ในประเภทของการอดอาหารเป็นช่วงๆ รวมถึงอาหารที่มีรายละเอียดสูง 5:2 หรือ 16:8

สำหรับการลดน้ำหนักแบบ 5:2 การอดอาหารเป็นระยะแบบนี้รวมถึงการกินตามปกติเป็นเวลา 5 วันต่อสัปดาห์และจำกัดแคลอรี่อย่างมากเป็นเวลาสองวันต่อสัปดาห์

เป้าหมายคือการลดปริมาณแคลอรี่ในวันที่อดอาหารให้เหลือเพียง 25% ของค่าปกติ ดังนั้น หากโดยเฉลี่ยแล้วคุณกิน 8,700 กิโลจูล (2,000 แคลอรี่) ต่อวัน ในวันอดอาหาร จะถูกจำกัดไว้ที่ 2,000 กิโลจูล (500 แคลอรี่)

เราได้เห็นการเพิ่มขึ้นของกระแสอาหาร 16:8 ในกรณีนี้ ตัวเลขหมายถึงชั่วโมง – กินสิ่งที่คุณชอบ 8 ชั่วโมงต่อวันและอดอาหาร 16 ชั่วโมง นั่นเอง

แต่ยังมีอีกวิธีที่คล้าย แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว นั่นก็คือ Eat Stop Eat ต้องอดอาหาร 1-2 ครั้งต่อสัปดาห์ ในขณะที่การอดอาหารแบบวันเว้นวันจะทำให้การอดอาหารหรือกินแคลอรีน้อยที่สุดทุกวันที่สอง

มันอาจเป็นรูปแบบการอดอาหารที่ไม่สม่ำเสมอและเป็นที่ถกอาหารเน้นที่การกินน้อยเกินไปหรือ “อดอาหาร” เป็นเวลา 20 ชั่วโมงต่อวัน จากนั้นกินอาหารมากเท่าที่คุณต้องการเป็นเวลา 4 ชั่วโมงในเวลากลางคืน ในช่วงอดอาหาร 20 ชั่วโมง คุณสามารถรับประทานผลิตภัณฑ์จากนม ไข่ต้ม และผักผลไม้ดิบได้ในปริมาณเล็กน้อย และแนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ (ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีแคลอรี) ได้เต็มที่

แต่ว่ามันได้ผลจริงๆ หรือ?

การอดอาหารเป็นช่วงๆ บังคับให้เราต้องพักเบรคและปล่อยให้ร่างกายใช้ไขมันที่สะสมไว้บางส่วน งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าการอดอาหารเป็นช่วงๆ สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ โดยหลักแล้วผ่านการจำกัดชั่วโมงในการรับประทานอาหาร การลดปริมาณอาหารที่บริโภค และการบริโภคพลังงานโดยรวม เป็นการเปลี่ยนแปลงเวลาที่จะกินมากกว่าที่จะกินอะไร

แม้ว่าการอดอาหารเป็นช่วงๆ สามารถช่วยลดน้ำหนักได้ แต่การวิจัยโดยรวมแสดงให้เห็นว่าไม่มีผลหรือประโยชน์ในระยะยาวมากไปกว่าการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการจำกัดแคลอรี่ สำหรับคนส่วนใหญ่ จะดีกว่า (และง่ายกว่า) ที่จะคงไว้ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีพืชเป็นส่วนประกอบอย่างสมดุล ดังนั้น นี่จึงเป็นสิ่งที่ต้องให้ความใส่ใจด้วยเช่นเดียวกัน

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *