เมื่ออยากลดน้ำหนัก แน่นอนว่าหลายคนจะกังวลกับสองสามอย่างแรกที่นึกถึงได้ เช่น ออกกำลังกายจะได้ลดน้ำหนักได้ผลจริง ต้องคุมอาหาร ไก่ต้มและผัก บลาๆ ซึ่งรวมไปถึง “การนับแคล” ด้วยเหมือนกัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่าแคลอรี่คืออะไร หรือจะถอดรหัสจำนวนแคลอรี่บนฉลากอาหารได้อย่างไร?
แคลอรี่คืออะไร?
โดยพื้นฐานแล้ว แคลอรี่คือหน่วยของพลังงาน เป็นการวัดปริมาณพลังงานที่อาหารให้กับร่างกาย โดยต่อไปนี้เป็นประเด็นเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยขจัดความสับสนเกี่ยวกับแคลอรี่ค่ะ
ครึ่งกิโลมีกี่แคลอรี่?
เชื่อกันว่าในครึ่งกิโลมี 3,500 แคลอรี่ ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าหากคุณลดอาหารลง 500 แคลอรี่ต่อวัน หรือออกกำลังกายและเผาผลาญออกไป 500 แคลอรี่ต่อวัน (หรือทั้งสองอย่างรวมกัน) คุณจะ ลดน้ำหนักได้ครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ที่แน่นอน เมื่อพูดถึงการลดน้ำหนัก มีตัวแปรต่างๆ มากมายที่ต้องคำนึงถึง รวมถึงระบบเผาผลาญด้วย
แคลอรี่ไม่เท่ากันไปทุกอย่างนะ
ตัวอย่างเช่น คาร์โบไฮเดรต 1 กรัมมีแคลอรี่ 4 แคลอรี่ และโปรตีน 1 กรัมก็เช่นเดียวกัน ไขมัน 1 กรัมให้พลังงาน 9 แคลอรี่ โดยทั่วไปแล้วคาร์โบไฮเดรตจะย่อยได้เร็วที่สุด โปรตีนและไขมันจะย่อยช้าลง และแคลอรี่เหล่านี้ไม่เหมือนกัน อาหารแต่ละกลุ่มส่งผลต่อการเผาผลาญที่แตกต่างกัน เป็นการดีที่สุดที่จะไม่ดูแค่จำนวนแคลอรี่ที่คุณรับเข้าไป แต่ให้เน้นไปที่ประเภทแคลอรี่ที่คุณบริโภคแทน ความสมดุลของทั้งสามนั้นเหมาะสมที่สุด
การนับแคลอรี่บนฉลากเป็นเพียงแนวทาง ไม่ใช่ทุกอย่างจ้า!
จำนวนแคลอรี่บนฉลากให้บวกลบความเป็นจริงไปเลยที่ราว 20% สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าเปอร์เซ็นต์มูลค่ารายวันในแผงข้อมูลโภชนาการนั้นขึ้นอยู่กับการรับประทานอาหาร 2,000 แคลอรี่
จำนวนนี้เป็นแคลอรี่มากกว่าที่พวกเราหลายคนต้องการ (ผู้ที่พยายามลดน้ำหนัก) และไม่เพียงพอสำหรับคนอื่นๆ (เช่น นักกีฬา)
สิ่งสำคัญคือต้องชี้ให้เห็นว่าแคลอรี่ที่ระบุไว้บนฉลากอาหารจะระบุถึงจำนวนแคลอรี่ในอาหารหนึ่งหน่วยบริโภค หากคุณกำลังควบคุมน้ำหนัก คุณจะต้องคำนึงถึงขนาดของส่วนที่คุณรับประทานจริง โดยคูณตัวเลขบนบรรจุภัณฑ์ด้วยจำนวนหน่วยบริโภคที่คุณบริโภคด้วยเหมือนกัน ดังนั้น นี่จึงเป็นเรื่องจำเป็นที่คุณต้องไตร่ตรองก่อน