หลายคนที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนักต้องเผชิญกับจุดที่อยากลำบากมากๆ จุดหนึ่งนั่นก็คือ “ความหิว” ได้อ่านแล้วก็รู้สึก เอ๊ะ! แบบนี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องลำบากได้หรือ ความหิวเนี่ย! แต่สดสวยอยากให้ทุกคนลองคิดถึงเวลาที่เราต้องควบคุมอาหาร จากที่เคยกินฟาสต์ฟู้ดแบบไม่ยั้ง หรือกินขนมจุบจิบทั้งวัน พออยู่ช่วงที่ต้องงด จากความเคยชินทำให้เราหิวและเกิดความอยากขึ้นมาได้ และนั่นอาจทำให้เราตบะแตกเอาง่ายๆ ด้วย
“ความหิว” ทำร้ายเรามากกว่าที่คิด!
มีความเชื่อว่าความหิวส่งผลให้เราเครียดมากกว่าที่คิด และเป็นจุดที่ทำให้เรารู้สึกเบื่อหน่ายเอาได้ง่ายๆ ไม่ว่าพาสชั่นเรื่องการลดน้ำหนักของเราจะแรงกล้ามากแค่ไหนในช่วงเริ่มต้นก็ตาม โดยส่วนมากแล้วสิ่งที่น่ากลัวกว่าคือ เราไม่รู้ว่า “หิว” หรือว่าแค่… “อยากกิน” ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่อันตรายมากทีเดียว
สำหรับคนที่กินข้าวตามมื้อเวลาปกติ จะสังเกตุได้ว่าช่วงเวลาที่จะรู้สึก “อยาก” อีกครั้งคือช่วงเวลาประมาณ 3.00 PM หรือบ่ายสามโมง ดังนั้น หากเพื่อนๆ รู้สึกว่าหิวในช่วงเวลานี้ ขอให้คิดว่านั่นไม่ใช่การหิวแต่คือความอยากกินต่างหาก
ทีนี้ ถ้าเป็นช่วงเวลาอื่นๆ ล่ะ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า นี่คือ “หิว” หรือว่า “อยาก”
ความจริงคือมันซับซ้อนมากกว่านั้นนะ เราไม่ได้แค่แยกแยะระหว่างความ “หิว” กับความ “อยาก” แต่ยังแบ่งย่อยออกเป็น…
- เหนื่อย
- โกรธ
- วิตกกังวล
- รู้สึกเหงา
- เบื่อหน่าย
ความรู้สึกพวกนี้นำพาให้เราอยากลุกไปหยิบขนมหรืออาหารมากินเพื่อเพิ่มการผ่อนคลาย เพราะช่วงเวลาที่เรากิน ร่างกายจะหลั่่งสารแห่งความสุขหรือเอ็นโดรฟินออกมา ทำให้เรามักจดจำว่า “กินแล้วจะมีความสุข” และแก้อาการดังกล่าวข้างต้นได้
“หากเรารู้สึกหิวจริงๆ แค่แอปเปิ้ลสักลูกก็ช่วยคลายหิวได้แล้ว แต่ถ้าอยากกินเฉยๆ ไม่ว่าอะไรก็จะอร่อย”
Robin Frutchey นักบำบัดพฤติกรรม แห่ง Johns Hopkins University Weight Management Center ได้กล่าวเอาไว้ โดยเพิ่มเติมว่า เมื่อไหร่ที่ไม่รู้ว่าหิวจริงๆ หรือเปล่า ให้ลองออกไปเดิน เปลี่ยนบรรยากาศหรือเปลี่ยนอิริยาบถก่อน อย่าเพิ่งรีบลุกไปกิน เพราะหากลองเปลี่ยนอิริยาบถแล้วอาจความรู้สึกที่อยากกินนตอนแรกอาจหายไปก็ได้
และนี่ก็เป็นทริคเล็กๆ น้อยๆ ที่สดสวยอยากให้เพื่อนๆ ลองนำไปปรับใช้ดูค่ะ
ที่มา : Don’t Overreact to Mild Hunger โดย Beth Janes