บางครั้งสาวๆที่กำลังลดน้ำหนักอาจแปลกใจว่าทำไม อาหารก็ลดแล้ว ออกกำลังกายก็ทำแล้ว แต่ทำไมน้ำหนักถึงไม่ไปทางไหนเลย ซึ่งมันอาจเป็นเพราะอุปสรรคในการลดน้ำหนักเหล่านี้ก็ได้ ลองมาดูหน่อยไหมว่ามีอะไรบ้าง

1.งานท็อป “นอนไม่พอ”

มีงานวิจัยหลายชิ้นที่ออกมาบอกว่า มีความเชื่อมโยงระหว่างการนอนหลับกับฮอร์โมนที่มีอิทธิพล ต่อพฤติกรรมการกินของเรา ซึ่งฮอร์โมนที่ว่าก็คือ ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ที่รับผิดชอบต่อความรู้สึกหิวและเลปติว (Leptin) ที่จะเป็นตัวบอกสมองว่า เมื่อไหร่ควรจะหยุดกิน แต่หากนอนไม่พอ ฮอร์โมนเกรลินเพิ่มขึ้น แต่เลปติวกลับลดลง ผลจึงออกมาเป็นว่าหิวอยู่ตลอดเวลาและกินเท่าไรก็ไม่อิ่มสักที ดังนั้นนอนให้พอประมาณวันละ 7-9 ชั่วโมง

2.กินโซเดียมมากไป

ลองลดอาหารที่มีโซเดียมซึ่งทำให้มีการกักเก็บน้ำมากไปอย่าง เกลือ หรือ น้ำอัดลม แล้วหันมากินผลไม้อย่าง ส้ม และแตงโม ก็จะช่วยลดการกักเก็บน้ำและขจัดน้ำในร่างกายได้มาก ซึ่งก็จะช่วยแก้ปัญหาการบวมได้ดี

3.ออกกำลังไม่เปลี่ยนท่า

ร่างกายของเราสามารถปรับตัวให้เข้ากับการออกกำลังกายที่ทำอยู่เป็นประจำได้ โดยจะให้พลังงานน้อยลง ดังนั้นลองเปลี่ยนประเภทการออกกำลังกายดูบ้าง จะได้ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้น และสามารถสลายไขมันส่วนเกินออกไปได้ดี

4.มีอาการแพ้อาหาร

การแพ้อาหารอาจส่งผลให้น้ำหนักไม่ไปทางไหนเลยได้ ซึ่งที่พบมากๆก็คือ การแพ้ข้าวสาลี เนื่องจากในข้าวสาลีมีส่วนผสมของกลูเตนที่อาจรบกวนการย่อย เมื่อแพ้ข้าวสาลีจึงทำให้มีปัญหาในการย่อยอาหารและอาจส่งผลต่อน้ำหนักตัวและเกิดอาการบวมได้

5.พ่อแม่ให้มา

เชื่อหรือไม่ พันธุกรรมมีความสัมพันธ์กับการเป็นโรคอ้วนถึง 30-40% และถ้าคุณบังเอิญมียีนส์อ้วนก็อย่าพึ่งหมดหวังไป  เพราะนักวิจัยชาวเยอรมันพบว่า คนที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ชั่วโมง จะช่วยลดน้ำหนักได้

ถึงแม้ว่าหลายสาเหตุมาจากสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ แต่ทว่าก็ไม่ใช่ข้ออ้างของการไม่ดูแลรูปร่างตัวเองด้วยการปล่อยอ้วนแบบเลยตามเลยนะ อย่างไรต้องรักษาสุขภาพด้วย