โรคเอดส์ เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Immunodeficiency Virus (HIV) สามารถติดได้จากการมีเพศสัมพันธ์ การใช้เข็มฉีดยาเสพติดร่วมกัน และเด็กที่ติดเชื้อจากแม่ หลายคนมีเซ็กส์โดยไม่สวมถุงยางอนามัยและปล่อยผ่าน กว่าจะรู้ตัวก็พบว่าอยู่ในระยะเอดส์เต็มขั้นและมีอาการหนักแล้ว ทำให้พลาดการรักษาแต่เนิ่น ๆ ที่จะได้ผลดีกว่า
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อเอชไอวีในประเทศไทยข้อมูล ณ สิ้นปี 2564 พบว่า มีผู้ติดเชื้อเอชไอวี จำนวน 520,345 คน (ข้อมูลจาก Thailand Spectrum-AEM, ปรับปรุง 22 เม.ย.65) และมีผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่รู้สถานะการติดเชื้อของตนเอง จำนวน 491,017 คน (94%) โดยยังมีผู้ติดเชื้อบางส่วนที่ยังไม่ทราบสถานะการติดเชื้อของตนเอง เนื่องจากผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรก ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ และจะทราบสถานะการติดเชื้อได้จากการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น
การส่งเสริมให้ผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงและประชาชนทั่วไป ได้เข้ารับบริการตรวจคัดกรองหาการติดเชื้อเอชไอวี และเข้าสู่ระบบการรักษาโดยเร็ว จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ที่จะช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และลดการเสียชีวิต การที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองว่าติดเชื้อ และเมื่อมาพบแพทย์มักมีอาการหนักมากแล้วหรือมีภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายและรักษายาก
สำหรับคนไทยที่มีบัตรประจำตัวประชาชน ทุกสิทธิ์การรักษา สามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีได้ฟรี ปีละ 2 ครั้ง ในทุกโรงพยาบาลที่ให้บริการภายใต้หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งสามารถตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีและรู้ผลภายในวันเดียว นอกจากนี้ยังมีอีกทางเลือกหนึ่ง คือ การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเอง (HIV self-test) โดยในปัจจุบันมี 2 ชนิด คือ ชุดตรวจจากการเจาะเลือดที่ปลายนิ้วมือ รู้ผลภายใน 1 นาที และชุดตรวจโดยใช้สารน้ำในช่องปาก รู้ผลภายใน 20 นาที
การตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองมีข้อดี คือ สะดวก มีความเป็นส่วนตัว สามารถตรวจและทราบผลได้ด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ที่ต้องการรู้ว่าตนเองติดเชื้อหรือไม่แต่ไม่สะดวกเดินทางไปโรงพยาบาล โดยสามารถหาซื้อชุดตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวีด้วยตนเองได้ที่ร้านขายยาทั่วไป แต่ในปัจจุบันอาจยังมีการจำหน่าย ไม่ครอบคลุมทั่วประเทศ
ทั้งนี้ หากผลการตรวจคัดกรองเบื้องต้นด้วยตนเองเป็นบวก ควรตรวจยืนยันผลที่โรงพยาบาลเพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษา แต่หากผลตรวจยืนยันเป็นลบจะได้รับคำปรึกษาเพื่อการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ และ หากผลตรวจยืนยันพบว่าติดเชื้อเอชไอวี จะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาด้วยยาต้านไวรัสทันที เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดโรคติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อรา วัณโรคในปอดหรือต่อมน้ำเหลือง ปอดอักเสบ งูสวัด ตาบอดจากไวรัสขึ้นจอตา และโรคมะเร็งบางชนิด เป็นต้น
ปัจจุบันยาต้านไวรัสเอชไอวีมีประสิทธิภาพสูง การกินยาอย่างต่อเนื่อง ตรงเวลา และสม่ำเสมอ จะทำให้ปริมาณเชื้อไวรัสในกระแสเลือดต่ำมากจนตรวจไม่พบเชื้อ จะไม่ถ่ายทอดเชื้อให้ผู้อื่น ส่งผลต่อการลดการติดเชื้อรายใหม่ ลดการเสียชีวิต และช่วยให้ผู้ติดเชื้อเอชไอวีมีอายุยืนยาว สุขภาพแข็งแรง และสามารถใช้ชีวิตร่วมกับสังคมได้
การป้องกันการติดเชื้อเอชไอวียังคงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ฉะนั้น เพื่อเซ็กส์ที่ปลอดภัยอย่าลืมสวมถุงยางอนามัยที่มีคุณภาพอย่างถูกวิธีทุกครั้งก่อนมีเซ็กส์ รวมถึงไม่เสี่ยงโดยการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนหลายคน