แม้การมีเพศสัมพันธ์หรือเซ็กส์จะเป็นส่วนสำคัญของชีวิตคู่ในการแสดงความรัก รวมถึงช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม การมีเพศสัมพันธ์อย่างไม่ระวังไม่ป้องกัน อาจนำมาซึ่งโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ และนี่คือ 3 โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบบ่อยในไทย
ในปี 2563 อัตราการป่วยโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 5 โรคหลักในทุกกลุ่มอายุ (ซิฟิลิส หนองใน หนองในเทียม แผลริมอ่อน กามโรคของต่อมและท่อน้ำเหลือง) อยู่ที่ 33.6 ต่อประชากรแสนคน ซึ่งพบการติดเชื้อซิฟิลิส สูงสุดถึง 16.4 ต่อประชากรแสนคน รองลงมาคือ หนองใน 11.9 ต่อประชากรแสนคน และหนองในเทียม 3.1 ต่อประชากรแสนคน
1. ซิฟิลิส (Syphilis)
สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Treponema Pallidum จากการสัมผัสถูกเชื้อโดยตรงจากแผลของผู้ป่วย โดยเฉพาะในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ รวมถึงใช้เข็มฉีดยารวมกับผู้อื่น การรับเลือดจากผู้อื่น การติดต่อจากแม่สู่ลูกในครรภ์
อาการ : เกิดผื่นหรือแผลตามผิวหนัง และอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงขึ้นถึงขั้นเสียชีวิตได้หากไม่รักษา
การป้องกัน : หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคนี้ ไม่สำส่อนทางเพศ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผู้อื่น หากเกิดแผลบริเวณอวัยวะเพศหลังจากมีเพศสัมพันธ์ควรรีบไปพบแพทย์
2. หนองใน (Gonorrhea)
สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Neisseria Gonorrhoeae ซึ่งสามารถเติบโตและเพิ่มจำนวนในเยื่อเมือกบุผิวของร่างกายได้ง่ายดาย ซึ่งเชื้อนี้จะแพร่ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ทั้งทางช่องคลอดและทางทวารหนัก การใช้ปากสำเร็จความใคร่ รวมถึงการสัมผัสโดยตรง เช่น ทารกที่คลอดผ่านทางช่องคลอดของมารดาที่ติดเชื้อ ทำให้เกิดการติดเชื้อที่เยื่อบุตา
อาการ : มักแสดงอาการภายใน 2 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ อาการในผู้ป่วยชาย เช่น ปัสสาวะแสบขัด มีหนองไหลจากปลายองคชาต ปวดถุงอัณฑะ ส่วนอาการในผู้ป่วยหญิง เช่น ปัสสาวะแสบขัด ตกขาว มีเลือดออกทางช่องคลอด
การป้องกัน : หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ป่วยโรคนี้ ไม่สำส่อนทางเพศ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกันผู้อื่น หากมีอาการปัสสาวะแสบขัด หมีอาการปวดหรือผื่นขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศควรรีบไปพบแพทย์
3. หนองในเทียม (Chlamydia)
สาเหตุ : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย Chlamydia Trachomatis โดยเชื้อสามารถติดต่อได้หลายทาง เช่น ทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก ทางปาก หรือทางตา หากมีสารคัดหลั่งจากร่างกายของผู้ติดเชื้อกระเด็นใส่ รวมถึงจากแม่สู่ลูกในครรภ์
อาการ : มักแสดงอาการภายใน 1-3 สัปดาห์หลังจากได้รับเชื้อ อาการในผู้ป่วยชาย เช่น มีมูกใสหรือขุ่นไหลออกจากปลายอวัยวะเพศ หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศอักเสบ ปัสสาวะแสบขัด ส่วนอาการในผู้ป่วยหญิง เช่น มีตกขาวผิดปกติและมีกลิ่นเหม็น ปัสสาวะแสบขัด คันหรือแสบร้อนบริเวณรอบอวัยวะเพศ เจ็บท้องน้อยเวลามีประจำเดือนหรือขณะมีเพศสัมพันธ์
การป้องกัน : ไม่สำส่อนทางเพศ ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หลีกเลี่ยงการสวนล้างอวัยวะเพศ
อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง ดังนั้น ก่อนมีเซ็กส์ทุกครั้ง อย่าลืมป้องกันตัวเพื่อลดความเสี่ยงจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์