“หญิงตั้งครรภ์” ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่สำคัญของ “โรคกรดไหลย้อน” โดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นภาวะเปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย การรับประทานที่ไม่ถูกสุขลักษณะ และน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นจากการตั้งครรภ์ ที่น่ากลัวคือ หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาตัว อาจนำมาสู่โรคมะเร็งหลอดอาหารได้ค่ะ
“โรคกรดไหลย้อน”
ภาวการณ์ไหลย้อนของน้ำย่อยจากกระเพาะอาหารขึ้นสู่หลอดอาหาร เนื่องจากความผิดปกติของหูรูดที่กั้นระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ทำให้หูรูดปิดไม่สนิท จึงทำให้น้ำย่อยมีฤทธิ์เป็นกรดสูงเมื่อไหลย้อนขึ้นมาถึงหลอดอาหาร จะกัดกร่อนผนังหลอดอาหาร สร้างความเสียหายต่อผนังหลอดอาหาร และเกิดการอักเสบของหลอดอาหารขึ้น
วิธีป้องกันโรคกรดไหลย้อนได้ดีที่สุดคือ การเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน และการบริโภคอาหารให้ถูกสุขลักษณะ
โดยการหลีกเลี่ยงอาหารและเครื่องดื่มต่อไปนี้
1.อาหารไขมันสูง
เช่น เมนูทอดต่างๆ ครีม เนย เพราะอาหารมันนั้นย่อยยากและทำให้ท้องอืดได้ง่าย นอกจากนี้คุณแม่ท้องควรหลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ที่มีไขมันสูง เนื่องจากเนื้อเหล่านี้จะหนักท้องและอยู่ในกระเพาะอาหารนาน ย่อยยากและจะเป็นการเพิ่มโอกาสของการเกิดโรคกรดไหลย้อนได้
2.อาหารและเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยว
เช่น น้ำมะนาว น้ำสับปะรด น้ำมะเขือเทศ น้ำองุ่น น้ำส้ม เพราะเครื่องดื่มกลุ่มนี้มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆ ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้
3.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
เช่น สุรา เบียร์ ไวน์ น้ำอัดลม หรือโซดา เนื่องจากอาหารกลุ่มนี้ทำให้หูรูดบริเวณกระเพาะอาหารเกิดการคลายตัว และเป็นตัวการที่ทำให้เกิดแก๊สในกระเพาะอาหาร จนเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้กรดในกระเพาะอาหารกระฉอกขึ้นมา และเกิดเป็นอาการของโรคกรดไหลย้อนนั่นเอง
4.หลีกเลี่ยงการรับประทานช็อกโกแลต
เนื่องจากมีส่วนผสมของคาเฟอีนและสารอื่นๆ ที่จะไปกระตุ้นการเกิดกรดไหลย้อน เช่น ธีโอโบรมิน นอกจากนี้ช็อกโกแลตยังมีโกโก้และไขมันในปริมาณที่สูง ซึ่งโกโก้และไขมันนี้มีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อน อีกทั้งช็อกโกแลตยังเป็นอาหารและเครื่องดื่มที่ทำให้กล้ามเนื้อหูรูดในหลอดอาหารคลายตัว เช่นเดียวกับสะระแหน่หรือเปปเปอร์มินต์
นอกจากนี้คุณแม่ท้องไม่ควรรับประทานครั้งละมากๆ ควรแบ่งมื้ออาหารเป็นมื้อย่อยๆ และเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน รวมถึงรับประทานมื้อเย็นให้ห่างจากเวลาเข้านอนไม่ต่ำกว่า 4 ชั่วโมงด้วยนะคะ