ภาวะครรภ์เป็นพิษ เป็นภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้นในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งมักจะมีอาการในช่วงอายุครรภ์มากกว่า 20 สัปดาห์ขึ้นไป ที่น่ากลัวก็คือ ภาวะครรภ์เป็นพิษอาจพบในสตรีตั้งครรภ์ที่มีสุขภาพดี รวมถึงถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดีพอ อาจทำให้แม่และเด็กในครรภ์ได้รับความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ส่วนสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของภาวะครรภ์เป็นพิษ อาจเกิดได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น ระบบภูมิคุ้มกันเกิดความผิดปกติ หลอดเลือดบริเวณรกมีความผิดปกติ กรรมพันธุ์ มีโรคประจำตัวเรื้อรังก่อนตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์ในขณะอายุน้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 35 ปี เป็นการตั้งครรภ์ครั้งแรก มีน้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน ตั้งครรภ์แฝด เป็นต้น
ภาวะครรภ์เป็นพิษแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
1.ระดับไม่รุนแรง มารดาจะมีความดันโลหิตขึ้นสูง มีอาการบวมปานกลาง ตรวจพบโปรตีนในปัสสาวะ
2.ระดับรุนแรง มารดาจะมีอาการปวดศีรษะมาก ตามัว จุกเสียดแน่นบริเวณลิ้นปี่ เกล็ดเลือดต่ำ มีภาวะเม็ดเลือดแตก บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นมีภาวะน้ำท่วมปอดหรือมีเลือดออกในสมอง
3.ระดับรุนแรงเกิดอาการชัก เป็นระยะที่รุนแรงที่สุดและมักเกิดตามหลังครรภ์เป็นพิษรุนแรง ถ้าไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจากแพทย์ ผู้ป่วยจะมีอาการชัก เกร็ง หมดสติ อาจทำให้แม่และเด็กในครรภ์ได้รับความเสี่ยงถึงขั้นเสียชีวิตได้
ภาวะครรภ์เป็นพิษที่อยู่ในระดับรุนแรง ทำให้มีผลแทรกซ้อนต่อมารดาและเด็กในครรภ์ มารดาอาจเสี่ยงต่อการเสียชีวิต สาเหตุมักเกิดจากมีเลือดออกในสมองหรืออวัยวะต่าง ๆ เกิดอาการชัก มีภาวะน้ำท่วมปอด อาจต้องยุติการตั้งครรภ์เพื่อป้องกันมารดาเสียชีวิต และสำหรับเด็กในครรภ์ อาจทำให้เด็กเสียชีวิตได้เช่นกัน หรือทารกเติบโตช้าผิดปกติ มีภาวะรกลอกตัวก่อนกำหนด และที่พบบ่อยคือการคลอดก่อนกำหนด
ดังนั้น ในระหว่างตั้งครรภ์ควรหมั่นดูแลสุขภาพและสังเกตอาการต่าง ๆ ถ้ามีภาวะความดันโลหิตขึ้นสูงมาก ปวดศีรษะมาก ตามัว หรือมีสิ่งผิดปกติอื่น ๆ ให้รีบพบแพทย์ทันที เนื่องจากการตรวจพบตั้งแต่เริ่มแรก สามารถให้การดูแลรักษาอย่างปลอดภัยได้ ดังนั้น ควรฝากครรภ์ตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์ พบแพทย์อย่างสม่ำเสมอ งดทำงานหนัก พักผ่อนให้มาก หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ เลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
สำหรับภาวะครรภ์เป็นพิษจะมีอาการดีขึ้นหลังจากการคลอด แต่ยังมีโอกาสชักได้อยู่ในระยะ 24 ชั่วโมงแรกหลังคลอด โดยในช่วงหลังคลอดมารดาอาจยังมีภาวะความดันโลหิตสูง แต่หากเกิน 12 สัปดาห์ไปแล้ว ยังคงมีภาวะความดันโลหิตสูงอยู่ มารดาอาจจะเป็นภาวะความดันโลหิตสูงชนิดเรื้อรังได้ ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่อง
บอกได้เลยว่า การวางแผนก่อนตั้งครรภ์ อยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างต่อเนื่องสำคัญมาก ๆ เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่าง ๆ รวมถึงภาวะครรภ์เป็นพิษได้ไม่มากก็น้อยค่ะ