โรคเหงือกอักเสบ เป็นปัญหาพบได้บ่อยในหญิงตั้งครรภ์ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การดูแลอนามัยช่องปากได้ไม่ดี เหล่านี้อาจส่งผลให้หญิงตั้งครรภ์เกิดโรคฟันผุได้ ที่น่ากลัวคือฟันผุไม่เพียงแต่ส่งผลถึงสุขภาพของแม่ท้องเท่านั้น ยังอาจทำให้เบบี๋คลอดก่อนกำหนดหรือน้ำหนักน้อยได้
ในช่วงเดือนที่สี่ คุณแม่ท้องส่วนใหญ่มักจะมีปัญหาเรื่องฟันผุ เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ส่งผลให้เกิดการอักเสบของเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนต่าง ๆ ได้ง่าย บางรายอาจพบการทำลายเนื้อเยื่อปริทันต์ที่รองรับฟัน พบร่องลึกปริทันต์หรือเหงือกร่น รวมทั้งหิวบ่อยทำให้กินจุกจิกมากขึ้น ทำให้น้ำตาลหรือเศษอาหารไปเกาะอยู่ตามซอกฟันได้ง่ายขึ้น ประกอบกับช่วงสามเดือนแรกอาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียนทุกครั้งที่แปรงฟัน จึงเลี่ยงหรือทำความสะอาดไม่ดีพอ ฟันจึงผุง่ายขึ้น
ดังนั้น เพื่อลดปัญหาด้านสุขภาพช่องปากและสุขภาพทั่วไปต่อตัวแม่และลูกที่จะเกิดมา หญิงตั้งครรภ์ที่ควรได้รับการตรวจฟัน เพื่อทราบสภาวะช่องปากของตนเองและรับความรู้เรื่องการดูแลสุขภาพช่องปากของตนเองและลูก รวมทั้งการฝึกทักษะการแปรงฟันการใช้ไหมขัดฟันที่ถูกวิธี ซึ่งหากพบว่ามีปัญหาโรคในช่องปากก็ควรได้รับการรักษาตามความจำเป็นในช่วงตั้งครรภ์ เดือนที่ 4 – 6 หรือได้รับการส่งต่อเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป
จากรายงานการศึกษาสภาวะสุขภาพช่องปากและพฤติกรรม ที่เกี่ยวกับสุขภาพช่องปากของหญิงตั้งครรภ์ที่มารับบริการในโรงพยาบาล สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ปี 2563 พบว่า หญิงตั้งครรภ์ฟันผุร้อยละ 50.5 แม่ที่มีฟันผุหลายซี่จะมีปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องปากมาก มีโอกาสสูงที่จะถ่ายทอดเชื้อจากแม่สู่ลูกมากขึ้น ทำให้ลูกมีความเสี่ยงสูงในการเกิดโรคฟันผุ
นอกจากนี้ มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่า โรคปริทันต์อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดภาวะคลอดก่อนกำหนดและเด็กมีน้ำหนักแรกเกิดน้อยได้ ดังนั้น การได้รับบริการขูดหินน้ำลาย และทำความสะอาดช่องปากจะช่วยลดภาวะเหงือกอักเสบ ส่วนการอุดฟันช่วยลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในช่องปากหญิงตั้งครรภ์
ทั้งนี้ หญิงตั้งครรภ์ควรดูแลฟันของตนเองเป็นพิเศษ เพราะหากมีปัญหาเหงือกอักเสบและฟันผุ จะส่งผลให้เกิดความผิดปกติกับเหงือกและฟันของลูกได้ เนื่องจากฟันน้ำนมของลูกเริ่มสร้างตั้งแต่ทารกอยู่ในครรภ์มารดาเพียง 6 สัปดาห์เท่านั้น หากแม่ได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนจะส่งผลให้ลูกมีการสร้างหน่อฟันที่ผิดปกติ ลูกจะเกิดฟันผุง่าย
วิธีดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับหญิงตั้งครรภ์
1. แปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยแปรงฟันนานอย่างน้อย 2 นาที
2. ทำความสะอาดซอกฟันด้วยไหมขัดฟัน
3. หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีน้ำตาลสูง รวมถึงไม่กินอาหารและเครื่องดื่มหลังแปรงฟัน 2 ชั่วโมง
4. หลังอาเจียนจากการแพ้ท้องหรือทานอาหารเปรี้ยว ควรบ้วนปากด้วยน้ำเปล่าทุกครั้ง ที่สำคัญเพื่อลดโอกาสที่จะสูญเสียฟันเพิ่มขึ้น คุณแม่ท้องควรหมั่นสังเกตและดูแลทำความสะอาดฟันอยู่เสมอ รวมทั้งไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสภาพฟัน จะได้รีบรักษาแต่เนิ่น ๆ