“การคลอด” เป็นช่วงเวลาสำคัญที่คุณแม่ท้องรอคอย ด้วยความรู้สึกที่หลากหลายทั้งกังวล ตื่นเต้น หวาดกลัว เพื่อให้การคลอดเป็นไปอย่างราบรื่น คุณแม่ท้องควรวางแผนการคลอดแต่เนิ่นๆ ทั้งนี้ การคลอดลูกที่นิยมกันมี 2 วิธี คือ การคลอดปกติ และการผ่าคลอด คำถามคือ การคลอดแต่ละวิธีมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร
การคลอดปกติ หรือ การคลอดธรรมชาติ คือ การคลอดตามธรรมชาติที่คุณแม่เบ่งคลอดเองทางช่องคลอด โดยเมื่อถึงกำหนดคลอดตามธรรมชาติ ปากมดลูกจะค่อยๆ เปิดกว้างไปเรื่อยๆ เมื่อปากมดลูกเปิดหมด ศีรษะเด็กจะเคลื่อน ลงมาต่ำจนกระทั่งถึงระดับที่มองเห็นศีรษะเด็กผลุบโผล่ที่บริเวณช่องคลอด แม่จะมีลมเบ่งเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ
ข้อดีของการคลอดปกติ ได้แก่ มีความปลอดภัยต่อทั้งคุณแม่และลูกที่คลอดออกมา เพราะไม่จำเป็นต้องดมยาสลบ หรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลัง มีโอกาสติดเชื้อในมดลูกน้อย, ฟื้นตัวหลังคลอดเร็ว, เสียเลือดน้อย เจ็บแผลน้อย แผลมีขนาดเล็ก, คุณแม่พร้อมให้นมลูกน้อยได้ทันที, ไม่มีความเสี่ยงจากการเจ็บครรภ์ในครั้งต่อไป, ทารกมีภูมิต้านทานดี ไม่เจ็บป่วยง่าย
ข้อเสียของการคลอดปกติ ได้แก่ ไม่สามารถเตรียมตัวล่วงหน้าได้, ใช้เวลาคลอดนาน กำหนดเวลาที่แน่นอนไม่ได้, อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนต้องผ่าตัดคลอดฉุกเฉินได้, เสี่ยงต่อการยืดและการฉีกขาดของเนื้อเยื่อในช่องคลอด, เสี่ยงของการหย่อนของกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน, อาจจะมีอาการเจ็บท้องมากช่วงใกล้คลอด และยาวนานในท้องแรก
การผ่าคลอด คือ การคลอดด้วยการผ่าตัดแทนการคลอดแบบธรรมชาติทางช่องคลอด ซึ่งแพทย์จะใช้วิธีเปิดปากแผลบริเวณระหว่างหน้าท้องและมดลูก การผ่าคลอดเป็นวิธีที่แพทย์แนะนำหากคุณแม่คลอดธรรมชาติไม่ได้ หรือการคลอดธรรมชาติอาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อแม่และทารก มีข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ หรือแม้แต่การคลอดในภาวะฉุกเฉิน
ข้อดีของการผ่าคลอด ได้แก่ สะดวก มีเวลาเตรียมตัวล่วงหน้า กำหนดเวลาคลอดที่แน่นอนได้, ลดระยะเวลาในการเจ็บท้องคลอดลง รวมถึงลดการเจ็บปวดขณะคลอด เพราะแพทย์จะวางยาสลบ หรือบล็อกหลัง, ลดการยืดหย่อนของเชิงกรานได้, หากเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ระหว่างคลอด แพทย์จะสามารถช่วยเหลือได้อย่างรวดเร็ว, สามารถทำหมันได้เลย
ข้อเสียของการผ่าคลอด ได้แก่ ร่างกายฟื้นตัวช้า ไม่สามารถให้นมลูกได้ทันที, เสียเลือดมาก เจ็บแผลนาน, อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด, อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจากการให้ยาสลบ หรือการบล็อกหลัง, ทารกมีภูมิต้านทานไม่ดี มีความเสี่ยงต่อโรคภูมิแพ้ โรคอ้วน โรคเบาหวาน, หลังคลอดจำเป็นต้องดูแลแผลอย่างดี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
ใส่ใจเรื่องวิธีการคลอดไปแล้ว ถ้าไม่อยากเสี่ยงมีแผลเป็นติดตัวจนเสียเซลฟ์ อย่าลืมให้ความสำคัญกับเรื่องการดูแลแผลผ่าคลอด ด้วยการใช้ ฮีรูสการ์ ซิลิโคน โปร (Hiruscar Silicone Pro) ผลิตภัณฑ์ดูแลรอยแผลเป็นที่ช่วยคงความชุ่มชื้นของผิวโดยรักษาสมดุลการสูญเสียน้ำของผิว และช่วยบรรเทาอาการคันที่เกิดจากแผล ช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงทำให้แผลเป็นอ่อนนุ่มขึ้นและสีจางลง เพื่อประสิทธิภาพสูงสุดแนะนำให้เริ่มทาผลิตภัณฑ์ดูแลรอยแผลทันที เมื่อแผลหายและปิดสนิทดีแล้ว โดยควรใช้ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 เดือน หรือตราบเท่าที่เห็นการเปลี่ยนแปลงรอยแผลเป็นในทางที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม อย่าเพิ่งกังวลเรื่องคลอดไปเกินกว่าเหตุ เพราะหากคุณแม่ฝากครรภ์แต่เนิ่นๆ และเข้าพบแพทย์ตรงตามนัดอย่างสม่ำเสมอ แพทย์จะประเมินได้อย่างแม่นยำว่าวิธีคลอดแบบใดจะดีที่สุดสำหรับคุณแม่และเบบี๋