เมื่อเกิดการตั้งครรภ์ขึ้น จะเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างมาก โดยหนึ่งในอาการสำคัญที่บ่งชี้ว่ามีการตั้งครรภ์ คือ ประจำเดือนขาด โดยช่วงเวลา 9 เดือนของการตั้งครรภ์ แม่ท้องจะไม่มีประจำเดือนเพราะไม่มีการตกไข่ ซึ่งหลังจากคลอดก็จะกลับมามีเป็นปกติ
แต่ถ้าประจำเดือนไม่มาสักที อันนี้ผิดปกติมั้ยนะ?
ประจำเดือนหรือรอบเดือนเกิดจากการหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก ซึ่งมีฮอร์โมน 2 ชนิดคือ เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน ควบคุมการสร้างและหลุดลอกของเยื่อบุโพรงมดลูก รวมถึงมีความสัมพันธ์กับการตกไข่จากรังไข่ แต่ในขณะตั้งครรภ์นั้นจะไม่มีการตกไข่ เพราะฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเพื่อให้การตั้งครรภ์ดำเนินต่อไปตามปกติ
การที่ประจำเดือนหลังคลอดยังไม่มาหรือมาช้า ถือเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากอิทธิพลของฮอร์โมนต่างๆ จะยังคงมีอยู่ไปอีกสักระยะหนึ่ง ทำให้ยังไม่มีการตกไข่ โดยปกติแล้วหลังคลอด ถ้าไม่ให้นมบุตร ประจำเดือนมักจะมาภายในประมาณ 6 สัปดาห์ แต่ถ้าให้นมลูกอยู่ ร่างกายจะมีกระบวนการยับยั้งไม่ให้มีการตกไข่ ซึ่งถือเป็นการป้องกันการตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ
บางคนคิดว่าการให้นมลูกคือการคุมกำเนิดตามธรรมชาติ จึงไม่ได้ใส่ใจที่จะคุมกำเนิดเพราะคิดว่าช่วงนี้จะไม่ท้อง อย่าได้คิดเช่นนั้นเด็ดขาด เพราะแม้ว่าคุณแม่จะยังอยู่ในช่วงหลังคลอดที่อาจยังไม่มีประจำเดือน (โดยเฉพาะในช่วงที่ให้นมลูก) แต่การมีเพศสัมพันธ์กับสามีย่อมมีเสี่ยงต่อการท้อง เรียกว่าอาจเกิดการตั้งครรภ์ต่อเนื่องได้เช่นกัน
ในบางกรณี เมื่อประจำเดือนมาแล้ว ในช่วงแรกประจำเดือนของคุณแม่บางคนอาจเป็นสีจางๆ อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลว่าจะเกิดความผิดปกติขึ้น เพราะในเดือนหรือสองเดือนต่อๆ ไป ประจำเดือนก็จะกลับมาเป็นสีปกติได้เอง
อย่างไรก็ตาม หากคุณแม่มีอาการปวดท้องน้อยร่วมด้วย และพบว่าประจำเดือนหลังคลอดออกมากะปริดกะปรอย มีเลือดออกมามาก (ซึ่งอาจไม่ใช่ประจำเดือน) หรือประจำเดือนมานานกว่าหนึ่งสัปดาห์ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุและเข้ารับการรักษาต่อไป
ทั้งนี้ คุณแม่หลังคลอดควรรับประทานอาหารให้เหมาะสม นอนหลับให้พอเพียง ออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อช่วยให้ร่างกายเกิดความสมดุล การทำงานของรังไข่ก็จะกลับมาเป็นปกติค่ะ