เรามักจะเคยได้ยินว่าคนท้องสาวหรือท้องแรกมักจะคลอดลูกยาก บางคนเจ็บท้องข้ามวันข้ามคืน บางคนเจ็บท้องเพียงครู่เดียวลูกก็ออกมาชมโลกสบายๆ ทั้งนี้คนเฒ่าคนแก้บอกว่าแล้วแต่บุญวาสนาของแต่ละคน แหมถ้าจะเชื่อกันง่ายๆ ก็คงไม่ใช่คุณแม่ยุคใหม่ใช่ไหมล่ะคะ จริงๆ แล้ว ทางการแพทย์มีคำแนะนำเป็นข้อปฏิบัติที่สามารถช่วยให้คุณแม่ท้องเตรียมตัวให้มีสภาพร่างกายที่พร้อมสำหรับการคลอดได้ค่ะ อยู่ที่ใครจะนำไปปฏิบัติมากน้อยแค่ไหนเท่านั้นเอง ไมใช่เฉพาะเรื่องบุญกรรมหรอกค่ะ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ในระหว่างตั้งครรภ์คุณแม่สามารถออกกำลังกายได้ โดยการเดินวันละประมาณ 20-30 นาที ว่ายน้ำ หรือ ท่าโยคะสำหรับคนท้อง การออกกำลังกายจะทำให้ร่างกายของคุณแม่แข็งแรงอุ้งเชิงกรานก็จะแข็งแรงไปด้วย คุณแม่ที่ออกกำลังกายบ่อยๆจะมีความอดทดต่อการเจ็บท้องคลอดมากกว่าคุณแม่ที่ไม่ค่อยออกกำลังกายค่ะ
นอนให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
การนอนจะทำให้ร่างกายคุณแม่พักผ่อน เมื่อถึงเวลารอคลอด ไม่มีคุณแม่คนไหนจะได้หลับพักเพื่อรอคลอดแน่นอน ดังนั้นเมื่อคุณแม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่แล้วเมื่อถึงเวลาคุณแม่จะมีแรงเบ่งทารกออกมานั้นเองค่ะ
กินอินทผลัมช่วงใกล้คลอด
เพราะในอินทผลัมมีสารที่ทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมนอ๊อกซิโทซินซึ่งช่วยกระตุ้นการหดตัวของมดลูก และยังช่วยให้ปากมดลูกเปิดเร็วมากกว่าเดิมอีกด้วยค่ะ
การแช่น้ำอุ่นหรืออาบน้ำอุ่น
จะทำให้ร่างกายของคุณแม่ผ่อนคลาย ทำให้กล้ามเนื้อไม่หดเกร็ง และยังช่วยลดความเครียดของคุณแม่ได้อีกด้วยค่ะ
ท่าคลอดที่เหมาะสม
เช่น ท่าลำตัวตั้งขึ้น ท่านั่งยอง ท่านี้จะทำให้มีแรงโน้มถ่วงของโลกช่วยดึงให้ศีรษะเด็กเคลื่อนลงได้ดี ทำให้คลอดได้เร็วขึ้น และลดความเจ็บปวดที่เกิดจากศีรษะทารกกดบริเวณด้านหลังของอุ้งเชิงกราน แต่ในประเทศไทยไม่นิยมคลอดกันท่านี้ส่วนมากจะคลอดกันท่า นอนราบ และท่าขาหยั่งค่
ฝึกจังหวะการหายใจขณะคลอด
จังหวะการหายใจที่ถูกต้องจะช่วยได้มากในเรื่องของแรงเบ่ง คุณแม่บางคนตั้งสติไม่ได้ร้องโวยวาย ก็ยิ่งทำให้ลมเบ่งหมดเร็วและไม่ทันได้เก็บลมเบ่งไว้ถูกที่ถูกเวลา ซึ่งวิธีการฝึกลมหายใจที่ถูกนี้คุณแม่ควรหาข้อมูลและฝึกการหายใจบ่อยๆ เมื่อถึงเวลาคลอดก็จะสามารถปฏิบัติได้โดยอัตโนมัติค่ะ
สิ่งสำคัญที่สุดที่คุณแม่พึงระลึกถึงเสมอเมื่ออยู่ในห้องคลอด คือ การประคองสติของตัวเองให้รู้ตัวอยู่เสมอจะได้ไม่ทำอะไรผิดพลาดเพราะขาดสติจากความเจ็บปวดและตื่นกลัวค่ะ