ยาต้องห้าม… อย่าทานระหว่างตั้งครรภ์

0

การเลือกใช้ยาในคุณแม่ตั้งครรภ์ นอกเหนือไปจากประสิทธิภาพของยาที่ใช้ในการรักษาแล้ว ความปลอดภัยต่อทารกในครรภ์ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ควรคำนึงไม่ด้อยไปกว่ากัน เนื่องจากยาบางชนิดหลังจากได้รับเข้าสู่ร่างกายของคุณแม่แล้วสามารถเดินทางผ่านรกไปสู่ลูกน้อยในครรภ์ได้ด้วย

โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสแรก หรือ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ ซึ่งเป็นช่วงที่ทารกมีการพัฒนารูปร่าง และสร้างอวัยวะต่างๆ การได้รับยาที่ไม่เหมาะสม อาจส่งผลต่อการพัฒนาของทารก รวมถึงอาจทำให้ทารกเกิดความพิการทางรูปร่างได้  

อย่างไรก็ตาม  ไม่ใช่ยาทุกชนิดหรอกนะคะที่ห้ามใช้ในคุณแม่ตั้งครรภ์

ยาที่มีการห้ามใช้ในระหว่างตั้งครรภ์  คือ ยาที่จัดอยู่ในกลุ่ม Category X

pills isolated on white background

ยาในกลุ่มนี้มีข้อมูลพบว่า   ก่อให้เกิดอันตรายต่อทารกในครรภ์  ตัวอย่างยาที่ห้ามใช้ เช่น

  • กลุ่มยาลดไขมันในเลือด เช่น ซิมวาสแตติน (simvastatin) อะทอวาสแตติน (atorvastatin) โรซูวาสแตติน (rosuvastatin)
  • ยาแก้ปวดศีรษะไมเกรนที่มีเออร์โกตามีน (ergotamine) เป็นตัวยาสำคัญ
  • ยาที่มีฮอร์โมนเพศหญิงเป็นตัวยาสำคัญ เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด ยาฉีดคุมกำเนิด เป็นต้น
  • ยาวาร์ฟาริน (warfarin) ที่ใช้ต้านการแข็งตัวของเลือด ยาไอโสเตรตติโนอิน (sotretinoin) ที่ใช้รักษาสิว ทั้งชนิดรับประทนาและทาภายนอก

แล้วยาบำรุงครรภ์ล่ะ…  จำเป็นหรือไม่ 

เมื่อไปฝากครรภ์    คุณหมอจะให้ยาบำรุงครรภ์  ซึ่งเป็นยาที่จำเป็น เพื่อช่วยป้องกันความผิดปกติที่จะเกิดกับทารกในครรภ์ และช่วยเสริมสร้างร่างกายของทารกให้สมบูรณ์   ยาเหล่านี้ ได้แก่ วิตามินบี กรดโฟลิก (folic acid)   เหล็ก แคลเซียม  หากคุณแม่สุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงและร่างกายสามารถสร้างแร่ธาตุและสารอาหารที่สำเป็นในช่วงตั้งครรภ์ได้เพียงพอทั้งตัวคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์  การไม่รับประทานยาบำรุงครรภ์ก็คงไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร  แต่สำหรับคนทั่วๆ ไปที่อาจขาดสารอาหารบางชนิด  การรับประทานยาบำรุงครรภ์อย่าสม่ำเสมอก็คงเป็นตัวช่วยที่ดี  ที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติต่างๆ ในระหว่างตั้งครรภ์ ได้เป็นอย่างดีค่ะ

ดังนั้นแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับหญิงตั้งครรภ์ คือ การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการรับประทานยาให้น้อยที่สุด แต่หากจำเป็นต้องรับประทานยา หรือมีข้อสงสัยในการใช้ยา แนะนำให้ปรึกษาแพทย์และเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของทั้งมารดาและลูกน้อยในครรภ์นะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *