ลูกในท้องจะเริ่มดิ้นให้คุณแม่รู้สึกได้ตั้งแต่ 4 เดือนเป็นต้นไป หรือบางคนอาจจะช้ากว่านี้ ซึ่งลูกดิ้นจะเกิดจากการที่เขาเริ่มมีพัฒนาการทางร่างกายที่สมบูรณ์มากขึ้น รู้สึกมีพื้นที่ในท้องที่ยังเคลื่อนตัวได้ ตอนไปอัลตราซาวนด์คุณแม่บางคนก็อาจเห็นได้ว่า คราวก่อนลูกหันตัวไปทางซ้าย มาคราวนี้เห็นลูกหมุนตัวเอาศีรษะลง
การดิ้นของลูกในท้องคุณแม่เป็นเรื่องปกติที่แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ด้วยตัวเอง แต่ที่แน่ๆ หลักๆ เลยการดิ้นยังเป็นสัญญาณที่ดีว่าลูกน้อยในท้องคุณแม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง
แต่เคยสงสัยกันไหมคะว่า นอกจากการขยับตัวตามปกติแล้ว การดิ้นของลูกอาจจะส่งสัญญาณการสื่อสารบางอย่างกับคุณแม่ด้วย
ดิ้นบิดขี้เกียจ
ปกติแล้วลูกจะดิ้นได้ตลอดทั้งวัน แต่มักจะดิ้นมากเป็นพิเศษในช่วงกลางคืน เนื่องจากในช่วงเวลานี้ คุณแม่ใช้พลังงานน้อยลง นอนหลับพักผ่อน ใช้เลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายน้อยลง เลือดที่ออกมาจากหัวใจคุณแม่ก็ไปหล่อเลี้ยงมดลูกที่ลูกอาศัยอยู่มากขึ้น ลูกน้อยจะได้รับออกซิเจนมากขึ้น เขาจึงขยับแข้งขยับขาผ่อนคลายที่นอนคุดคู้อุดอู้ อยู่ในท้องคุณแม่มาทั้งวัน เป็นการส่งสัญญาณบอกว่า หนูตื่นแล้วน้า
ดิ้นเพราะรำคาญ
คุณแม่เคยสังเกตไหมคะว่า ลูกจะดิ้นมากในช่วงก่อนและหลังอาหาร และจะดิ้นมากขึ้นอีกครั้งในช่วง 3ทุ่มขึ้นไป ทำให้คุณแม่หลายๆ คนคิดไปว่าลูกคงหิวถึงได้ดิ้นแรงขนาดนี้ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่หรอกค่ะ เป็นเพราะว่าด้านบนของมดลูกเป็นลำไส้ของคุณแม่ ขดไปขดมา เวลาคุณแม่หิว เสียงท้องก็ดังโครกคราก ทำให้ลูกน้อยที่นอนหลับอยู่ตื่นขึ้น ดังนั้น ในช่วงที่คุณแม่กินอาหารอิ่มใหม่ๆ ลำไส้และกระเพาะอาหารทำงานส่งเสียงดังรบกวนลูก ลูกก็เลยตื่นมาดิ้นตุบตับๆ ยังไงล่ะคะ
ดิ้นเพราะชอบ
คุณแม่อาจจะสังเกตได้ว่า ลูกน้อยในครรภ์อาจจะดิ้นแรงดิ้นถี่เป็นพิเศษกับเสียงหรือพฤติกรรมบางอย่างของคุณแม่อย่างสม่ำเสมอ เช่น เวลาเปิดเพลงบางเพลง เวลาเอามือลูบท้อง เวลาฝนตก ฯลฯ นั่นแสดงว่าลูกมีปฏิกิริยาตอบรับกับสิ่งเร้านั้นๆ เป็นพิเศษ ก็เลยอุบอิ๊บเอาได้ว่าลูกชอบค่ะ
ลองสังเกตเบบี๋ในท้องดูสิคะว่า ดิ้นตอนไหนกันบ้างน้า