การฝึกการฟังให้ลูกเป็นการพัฒนาทักษะทางภาษาที่สำคัญอย่างยิ่ง คุณแม่รู้หรือไม่ว่า เราสามารถฝึกทักษะการฟังให้ลูกได้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เห็นหน้าลูกกันเลยทีเดียว แม้จะไม่สามารถเห็นปฏิกิริยาท่าทางหรือสายตาที่มองกันเห้น แต่เชื่อเถอะค่ะว่าลูกน้อยในครรภ์จะได้ยินคุณเสียงคุณพ่อคุณแม่อย่างแน่นอน
พัฒนาการทางการได้ยินของลูกในท้องจะเริ่มขึ้นเมื่อมีอายุครรภ์ประมาณ 4 เดือนเป็นต้นไป
แต่จะเป็นการได้ยินโทนเสียง ความหนักเบาของเสียง ดังนั้นช่วงอายุครรภ์ 4 เดือนเป็นต้นไป พ่อแม่สามารถพูดคุยกับลูกในท้องได้จนถึงเวลาคลอด เมื่อเขาคลอดออกมาก็จะคุ้นกับเสียง และเสียงของพ่อแม่นี่เองที่สามารถทำให้ลูกสงบได้ง่ายๆ เมื่อร้องงอแง หรือเมื่อรู้สึกไม่ปลอดภัย
จริงๆ แล้วแม่ท้องสามารถคุยกับลูกในท้องได้ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์
เพื่อฝึกความคุ้นเคยให้ตัวเองในการคุยกับลูกในท้อง
แม่ท้องสามารถคุยกับลูกในท้องได้ทุกวัน ทุกเวลา
และเรื่องที่พูดคุยควรเป็นเรื่องที่สบายใจ เรื่องสวยงาม เรื่องดีๆ เล่านิทาน หรืออ่านหนังสือให้ลูกในท้องฟัง เพื่อความผ่อนคลายทั้งตัวแม่เองและทารกในครรภ์ ไม่ควรคุยกับลูกในท้องด้วยเรื่องเครียดเด็ดขาด เช่น รู้สึกน้อยใจสามี(คุณพ่อ) เครียดไม่มีเงินพอใช้ … ห้ามเด็ดขาดเลยนะคะ
แม่ท้องควรเรียกชื่อลูกบ่อยๆ
แต่ถ้ายังไม่ได้ตั้งชื่อก็ควรเรียกด้วยชื่อกลางๆ เช่น ลูก, หนูคนดี, น้อง เป็นต้น
ประดิษฐ์สิ่งที่ทำให้ลูกได้ยินชัดขึ้น
เพื่อให้ลูกในท้องได้ยินเสียงพ่อแม่ได้ชัดขึ้น ให้ลองม้วนกระดาษเป็นทรงกรวย แล้วใช้ปลายกรวยครอบลงไปที่ท้องในตำแหน่งที่ศีรษะลูกอยู่ แล้วคุยกับลูกในท้องจะช่วยให้เขาได้ยินเสียงพ่อแม่ชัดขึ้น
การคุยกับลูกในท้องนอกจากจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ด้านการได้ยิน และส่งเสริมทักษะทางภาษาแล้ว ยังช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวด้วย ลองสังเกตว่าเมื่อพ่อแม่เรียกหรือคุยกับลูกในท้อง เขาจะขยับตัว ดิ้น หรือถีบท้อง เหมือนกำลังสื่อสารว่าหนูได้ยินเสียงพ่อแม่เรียก หนูตื่นเต้นที่พ่อแม่มาคุยด้วย ซึ่งการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ก็เป็นอีกหนึ่งสัญญาณบอกพ่อแม่ได้ว่าลูกมีพัฒนาการที่ดี แข็งแรงเช่นกันค่ะ
ถ้าอยากให้ลูกในท้องเรียนรู้ภาษาได้เร็ว ลองพูดคุยกับลูกบ่อยๆ เพื่อส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ทั้งทางด้านภาษาและการเคลื่อนไหวกันดูสิค่ะ