“การผ่าคลอด” ถือเป็นวิธีการคลอดที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากค่อนข้างปลอดภัยสำหรับคุณแม่และคุณลูกที่มีความเสี่ยงในการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ ทั้งยังสามารถเลือกวัน เวลาคลอดได้ แต่ข้อเสียก็มีเช่นกัน โดยปัญหาที่มักสร้างความกังวลให้กับคุณแม่ผ่าคลอด คือ แผลเป็น และ ท้องไม่ยุบ!
สำหรับคุณแม่ที่ผ่าคลอดอย่าลืมเตรียมตัวดูแลแผลหลังผ่าตัดเพื่อป้องกันการเกิดรอยแผลเป็นที่ไม่น่าอภิรมย์ โดยคุณแม่ที่ผ่าคลอดมักปรากฏรอยเย็บแผลยาว 4-6 นิ้ว เป็นแนวนอนตามแนวขอบกางเกงชั้นในหรือแนวตั้งใต้สะดือ ซึ่งในสัปดาห์แรกหลังจากผ่าคลอด ผิวชั้นนอกของแผลจะเริ่มติดกัน จากนั้นแผลจึงปิดสนิทและเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วงอยู่ประมาณ 6 เดือน ก่อนจะค่อยๆ จางลงเป็นสีขาวและเรียบขึ้น
อย่าเพิ่งคิดกังวลว่าหลังผ่าคลอดจะต้องมีแผลเป็นติดตัวไปตลอดชีวิต เพราะยุคนี้มีนวัตกรรมใหม่ๆ มากมายที่เป็นตัวช่วยในเรื่องดูแลรอยแผลเป็น สำหรับคุณแม่ที่ใกล้คลอดแนะนำให้เตรียมซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลแผลหลังผ่าตัดหรือผ่าคลอดไว้รอเลย เช่น Hiruscar Silicone Pro โดยให้เริ่มใช้ตั้งแต่ระยะเริ่มแรกของแผลเป็น คือหลังจากบาดแผลปิดสนิท (ดูรีวิวเพิ่มเติม: REVIEW: แชร์ประสบการณ์เนื้องอกตรงมดลูกกับการดูแลรอยแผลเป็นหลังผ่าตัด)
มาที่ปัญหาเรื่องท้องไม่ยุบกันบ้าง โดยปกติแล้วหลังจากคลอดลูกจะใช้เวลาสักระยะหนึ่งกว่าที่หน้าท้องจะกลับมาเป็นปกติเหมือนช่วงก่อนหน้าที่จะตั้งครรภ์ แต่ถ้าเวลาผ่านไปพอสมควรแล้วท้องของคุณแม่กลับไม่ยุบลงเลยหรือยังคงหย่อนคล้อยล่ะก็ อาจเป็นเพราะสาเหตุแตกต่างกันไป เช่น โครงสร้างของร่างกาย ทำให้มีปัญหาหน้าท้องยืดขยายมากกว่าคนตัวใหญ่, มีน้ำหนักตัวมากเกินไปขณะตั้งครรภ์ แม้จะคลอดลูกแล้วแต่ร่างกายก็ยังคงมีไขมันส่วนเกินอยู่ ต้องใช้เวลานานในการกำจัด
อย่างไรก็ตาม ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ในส่วนของปัญหาท้องไม่ยุบหลังคลอดนั้น ก็สามารถจัดการได้หลากหลายวิธี อาทิ ออกกำลังกายเพื่อช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินและกระชับสัดส่วน เช่น โยคะ เต้น วิ่ง ว่ายน้ำ หรือปั่นจักรยานให้ได้อย่างน้อยวันละ 30 นาที, การแขม่วท้องเป็นประจำทุกวัน เพื่อช่วยบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องให้กระชับ, การให้นมลูกด้วยตัวเอง ถือเป็นการรีดน้ำหนักและสัดส่วนได้ดีที่สุด นอกจากช่วยลดอาการหน้าท้องใหญ่หย่อนคล้อย ยังช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วอีกด้วย
ทั้งนี้ อย่าเพิ่งคิดมากเรื่องปัญหาหลังคลอดนะคะ เพราะแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำที่เหมาะสมสำหรับการเลือกวิธีคลอด ฉะนั้น สิ่งสำคัญคือการดูแลตัวเองตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัดค่ะ
