แผลผ่าคลอดเป็นผลจากการผ่าคลอด โดยแผลจะถูกเย็บปิดสนิทอยู่ใต้สะดือยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ปัญหาคือหากคุณแม่ดูแลแผลผ่าคลอดรวมถึงดูแลสุขภาพหลังการผ่าคลอดได้ไม่ดีพอ อาจทำให้แผลผ่าคลอดอักเสบได้ ซึ่งหากปล่อยปละละเลยจนอาการรุนแรงอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ค่ะ
อาการที่บ่งบอกว่า แผลผ่าคลอดอักเสบและติดเชื้อ
- มีอาการปวดแผล
- ปวดท้องน้อยอย่างรุนแรง
- มีรอยบวมแดงที่แผลผิดจากเดิมที่ไม่เคยมี
- แผลผ่าตัดบวม แผลผ่าตัดแยก แผลไม่ติด มีเลือดซึม
- ปัสสาวะแสบขัด
- มีน้ำคาวปลาผิดปกติ
- มีกลิ่นเหม็นและมีเลือดแดงสีเข้มขึ้นปะปน
- ขาบวม
อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณเตือนว่าแผลผ่าตัดกำลังเกิดการติดเชื้อ ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
แนวทางการรักษาเมื่อแผลผ่าคลอดอักเสบ
ในกรณีที่แผลผ่าตัดคลอดอักเสบ แพทย์จะให้ยาปฎิชีวนะ ยาแก้ปวด และหากมีหนอง แพทย์ต้องทำการเปิดแผลผ่าตัดนั้น เพื่อให้หนองออกมาได้และต้องทำแผลต่อทุกวันจนกว่าแผลจะหาย โดยหากแผลไม่ใหญ่ แพทย์จะรอให้แผลค่อยๆ ติดเอง แต่หากแผลใหญ่มาก แพทย์อาจเป็นต้องเย็บแผลใหม่อีกครั้ง
ในส่วนของการดูแลตนเองในกรณีที่แผลผ่าตัดคลอดอักเสบ ทำได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์, รับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์ให้ครบถ้วน ไม่หยุดยาเองแม้อาการจะหายแล้ว, รับประทานอาหารมีประโยชน์ ให้ครบหมดหมู่ในปริมาณที่เหมาะสมทุกมื้ออาหาร, รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน และไปพบแพทย์ให้ตรงตามเวลานัดหมาย
ไม่อยากเสี่ยงแผลผ่าคลอดอักเสบคุณแม่ที่ใช้วิธีผ่าคลอด ก็ต้องใส่ใจเรื่องการดูแลแผลเป็นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ทั้งการดูแลแผล การรับประทานยา การดูแลสุขภาพ และการพักผ่อน เพื่อให้ร่างกายของคุณแม่กลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงไปตรวจแผลให้ตรงตามเวลานัดหมาย
วิธีดูแลตัวเองหลังผ่าคลอด
นอกจากนี้ในช่วง 1-2 เดือน หลังคลอด ไม่ควรยกของหนัก ขับรถ ออกกำลังกาย และมีเพศสัมพันธ์, หมั่นล้างแผลและทำความสะอาดผิวอย่างสม่ำเสมอ, ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลรอยแผลเป็น Hiruscar Silicone Pro โดยเริ่มใช้ทันที เมื่อแผลหายและปิดสนิทดีแล้ว เพื่อช่วยลดเลือนรอยแผลเป็น รวมถึงทำให้แผลเป็นอ่อนนุ่มขึ้นและสีจางลง
ที่สำคัญควรหมั่นสังเกตความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ของร่างกายอยู่เสมอ หากมีอาการผิดปกติเกิดขึ้นควรรีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยและรักษาก่อนจะรุนแรงจนยากจะแก้ไขค่ะ