เชื่อว่าพ่อแม่ยุคนี้คงหนักใจกันไม่น้อยกับปัญหาลูกติดสมาร์ทโฟน หลายคนเคยบอกตัวเองว่าจะไม่มีทางให้ลูกรักใช้สมาร์ทโฟนเด็ดขาด แต่สุดท้ายพอเห็นลูกแฮปปี้เมื่อได้เล่นสมาร์ทโฟนก็ปล่อยเรื่อยมา กว่าจะรู้ตัวเจ้าตัวซนก็ติดสมาร์ทโฟนซะแล้ว ที่น่ากลัว คือ…
สมาร์ทโฟนส่งผลกระทบด้านลบต่อเด็กถึง 6 ด้าน
- ทำให้นอนหลับไม่เพียงพอ ลูกติดสมาร์ทโฟน หากพ่อแม่ไม่ได้ดูแล สอดส่อง หรือจำกัดการเล่น อาจทำให้เด็กเล่นสมาร์ทโฟนทั้งคืน ทำให้ตื่นสายและรู้สึกอ่อนเพลียในตอนเช้า
- ผลการเรียนย่ำแย่ลง เนื่องจากไม่สนใจการเรียน รวมถึงกิจกรรมรอบตัว เพราะมัวแต่เล่นสมาร์ทโฟน หรือขาดสมาธิระหว่างทำการบ้าน หากใช้สมาร์ทโฟนไปด้วยระหว่างทำการบ้านหรือแอบใช้ขณะเรียน
- สมรรถภาพทางกายลดลง เนื่องจากขาดการออกกำลังกายจนสุขภาพถดถอย ส่วน เด็กวัย 1-5 ขวบ เป็นวัยที่ต้องอยู่ไม่นิ่ง ถ้ามัวแต่นั่งๆ นอนๆ เล่นสมาร์ทโฟน จะส่งผลเรื่องการเจริญเติบโตของร่างกายแน่นอน
- สายตาแย่ลง เนื่องจากสายตาโฟกัสอยู่ที่หน้าจอสมาร์ทโฟนเป็นเวลานาน
- พัฒนาการทางสมองช้าลง เด็กจะไม่มีใจจดจ่อกับกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ที่ต้องใช้สมาธิหรือสมองในการแก้ปัญหา เพราะเคยชินกับหน้าจอที่แสดงสีสันสดใส เคลื่อนไหวได้รวดเร็วทันใจ
- ความสามารถในการสื่อสารลดลง เนื่องจากโฟกัสอยู่แต่หน้าจอ อยู่กับเกม หรืออยู่กับอินเตอร์เน็ต ทำให้ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง ทำให้ขาดการปรับตัวเมื่อต้องเข้าสู่สังคม ปรับตัวเข้าหาผู้ใหญ่ไม่เป็น
ข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของญี่ปุ่น พบว่า ตั้งแต่ปี 2014 นักเรียนชั้นประถมและมัธยมที่ใช้เวลากับโทรศัพท์มากจะยิ่งมีผลการเรียนถดถอยลง นอกจากนี้ การจ้องมองจอภาพเป็นเวลานานยังมีส่วนทำลายสมองและทำให้ประสิทธิภาพเรื่องความจำถดถอยอีกด้วย
พ่อแม่ควรจำกัดเวลาการใช้สมาร์ทโฟนของเด็กให้ไม่เกิน 1-2 ชั่วโมงต่อวัน และไม่ควรปล่อยให้ลูกเล่นตามลำพัง ส่วนเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบไม่ควรให้ใช้สมาร์ทโฟนด้วยประการทั้งปวง
แม้การใช้เทคโนโลยีจะเข้ามีบทบาทสำคัญของโลกยุคนี้ แต่ก็ควรจะเลือกใช้งานให้พอดี โดยเน้นการใช้งานเพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอน หรือเสริมพัฒนาการของลูก