เมื่อลูกเข้าสู่ระบบการเรียนรู้อย่างเป็นทางการอย่างโรงเรียน คุณพ่อคุณแม่ทุกคนย่อมคาดหวังให้ลูกสามารถเรียนรู้และปรับตัวเข้ากับการเรียนได้ดี ไม่มีปัญหาและอุปสรรคใดๆ แต่หากไม่ได้เป็นอย่างความคาดหวัง ก็อย่าเพิ่งกดดันลูกนะคะ สิ่งที่ควรพิจารณาถึงสาเหตุปัญหาในอันดับต้นๆ เลย คือ เรื่องของความบกพร่องทางสุขภาพ ที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเรียนรู้ของลูกค่ะ
ลักษณะเด็กที่มีปัญหาทางสุขภาพซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้
เด็กมีการเจริญเติบโตทางสมองช้า
เด็กกลุ่มนี้จะมีเชาว์ปัญญาต่ำ ซึ่งสังเกตได้ตั้งแต่เล็กๆ ว่ามีการยิ้ม ชันคอ คว่ำ นั่ง ยืน เดิน และพูดช้ากว่าเด็กอื่น เมื่อเข้าสู่วัยเรียนเด็กอาจเรียนไม่ได้เลย เรียนไม่ทันเพื่อนหรือเรียนได้เฉพาะชั้นต้นๆ แต่จะมีความลำบากขึ้น จนเรียนต่อไปไม่ได้ในชั้นสูงๆ ขึ้นไป ซึ่งมีวิชาเรียนมากขึ้นและบทเรียนยากขึ้น
เด็กที่มีความผิดปกติทางสมอง
ทำให้มีขีดจำกัดในวิธีการเรียนรู้บางอย่าง เช่น มีความลำบากในการพูด การสะกดคำ การอ่าน การเขียน หรือการคิดคำนวณ ทั้งๆ ที่มีระดับเชาว์ปัญญาอยู่ในเกณฑ์ปกติแต่จะมีผลการเรียนต่ำในด้านที่สัมพันธ์กับปัญหาดังกล่าว
เด็กปัญญาเลิศ
คือเด็กที่มีเชาว์ปัญญาสูงกว่าปกติมาก มีลักษณะฉลาดเกินวัยมีความคิดสร้างสรรค์ และอาจมีความถนัดเป็นพิเศษทางด้านใดด้านหนึ่ง เช่น ศิลปะ ดนตรี แต่ยังคงเป็นเด็กที่มีความต้องการอื่นๆ เหมือนเด็กทั่วๆ ไป
ปัญหาที่พบมักจะเป็นผลจากสิ่งแวดล้อมที่ไม่เข้าใจธรรมชาติของเด็กกลุ่มนี้ และไม่สามารถเอื้ออำนวยต่อความต้องการ และความสามารถของเด็กได้อย่างเหมาะสม จึงพบปัญหาการปรับตัวได้ เช่น การแยกตัวจากกลุ่มเพื่อน เบื่อหน่ายการเรียนไม่ได้เรียนสิ่งที่ตนสนใจหรือคับข้องใจที่ได้รับการส่งเสริมแต่เพียงการใช้ความสามารถทางเชาว์ปัญญา แต่ขาดการตอบสนองทางอารมณ์ตามวัย
เด็กที่เป็นโรคซนและสมาธิสั้น
ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของสมองบางส่วนคาดว่าอาจเกิดจากสารเคมีในสมองบางส่วนไม่สมดุล เด็กจะมีอาการสำคัญคือ ซน อยู่ไม่นิ่ง ชอบวิ่ง ปีนป่าย กระโดด มีสมาธิสั้น เหม่อลอย วอกแวกง่าย หุนหัน วู่วาม ลำบากในการคุมตัวเอง
เด็กที่สุขภาพไม่แข็งแรง
หรือมีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจพิการ โรคไต โรคมะเร็ง หรือมีโรคที่มีผลกระทบต่อสมอง เช่น โรคลมชัก ทำให้เด็กต้องขาดเรียนบ่อยต้องหยุดพักรักษาตัวนาน ทำให้เรียนไม่ทันเพื่อนได้
เด็กมีความผิดปกติทางสายตา
การได้ยิน หรือความพิการ ทำให้เกิดอุปสรรคต่อการเรียน
หากสาเหตุปัญหาการเรียนรู้ของลูกมาจากปัญหาด้านสุขภาพข้างต้น คุณพ่อคุณแม่ก็อย่ารอช้า รีบพาลูกไปปรึกษาคุณหมอ แก้ปัญหาให้ตรงจุดแต่เนิ่นนะคะ