LD ย่อมาจาก Learning Disabilities
คือ ภาวะความบกพร่องด้านการเรียนรู้ในเด็กที่มีสติปัญญาฉลาดในเกณฑ์ปกติหรือฉลาดเหนือกว่าเด็กอื่น แต่การเรียนรู้ในด้านใดด้านหนึ่ง หรือหลายๆ ด้านช้ากว่าเพื่อนที่มีอายุเท่ากัน ทั้งๆ ที่เพื่อนอาจมีสติปัญญาเท่ากันหรือต่ำกว่า
จุดเด่นของผู้ที่เป็นโรค LD คือ สามารถประมวลภาพใหญ่ได้เก่ง ในขณะคนที่จบด็อกเตอร์อาจจะคิดไม่ได้ด้วยซ้ำ ทำอย่างไรก็ได้ ที่จะไม่ขัดขวางกระบวนการเรียนรู้ของเขา แล้วจุดเด่นที่ดีจะตามมาได้เอง ดังนั้น ในการเลี้ยงดูเด็กที่เป็น LD จึงต้องเข้าใจและเลือกใช้วิธีที่ถูกต้อง ดังนี้ค่ะ
- ควรรู้ว่าโลกนี้ก็มีโรคแบบนี้อยู่ และหากสงสัยควรหาสาเหตุให้เจอว่าเป็นโรคนี้จริงหรือไม่อย่างไร เพื่อจะได้ไม่ต่อว่าเด็ก ทำโทษ หรือปิดกั้นการเรียนรู้ตั้งแต่ยังเล็กๆ
- ต้องเข้าใจว่าไม่ใช่ความผิดของใคร
- ไม่ตามใจมากจนเกินไป เช่น ทำการบ้านให้
- ควรประคับประคองให้เขาเรียนรู้ในวิธีของเขา
- ช่วยเด็กหาจุดเด่นลบจุดด้อย เช่น จัดเวลาให้เด็กทำกิจกรรมต่างๆ ที่ชอบ
- อย่าพยายามบังคับเขาให้เขาทำในสิ่งที่ทำไม่ได้
- ไม่พยายามบังคับเขาให้เขาทำในสิ่งที่ทำไม่ได้
- ชื่นชมในความพยายามของเขามากกว่าชื่นชมในผลลัพธ์
- ไม่เปรียบเทียบเด็ก
- หาแบบอย่างคนที่ประสบความสำเร็จ ที่เป็นโรคแอลดีเหมือนกัน โดยเฉพาะกับคนที่เขาชื่นชอบ
คนดังๆ ก็เป็นโรค LD นะ!
เนื่องจากโรคแอลดีจะเกิดกับใครก็ได้ แถมไม่มีการตรวจวินิจฉัยตั้งแต่อยู่ในครรภ์ ดาราซุปตาร์ก็มีโอกาสเป็นได้เหมือนกัน ทั้ง อัลเบิร์ด ไอน์สไตน์ ที่ไม่ยอมพูดจนถึงอายุ 4 ขวบ แถม 7 ขวบ ก็โดนไล่ออกจากโรงเรียน
ที่มาภาพ
ลีโอนาโด ดาวินชี่, โทมัส อัลวา เอดิสัน, สตีฟ จ็อบส์ ที่ถนัดในการใช้คอมในการเขียนมากกว่า
ที่มาภาพ
ที่มาภาพ
ที่มาภาพ
ริชาร์ด แบรนด์สัน, เคียร่า ไนท์ลีย์, ทอม ครูซ ที่อ่านบทเองไม่ได้ ต้องมีคนอ่านบทให้ฟัง
ที่มาภาพ
ที่มาภาพ
ที่มาภาพ
จะสังเกตเห็นได้ว่าคนกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่ไม่ประสบความสำเร็จในการเป็นลูกจ้างเท่าไรนัก เพราะทำตามกฎเกณฑ์ไม่ค่อยได้ แต่หากได้รับการดูแลและส่งเสริมให้สามารถเรียนรู้ในทางที่ถูกต้อง ความบกพร่องทางการเรียนรู้ก็จะหมดไป และสามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนอื่นๆ ค่ะ