เราทราบกันดีว่าการออกกำลังกายมีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งปัจจุบันการออกกำลังกายมีหลากหลายประเภทมากๆ ว่าแต่ควรออกกำลังกายด้วยวิธีไหนดี จึงจะเหมาะกับทุกคนในครอบครัว วัยไหนก็สามารถออกกำลังกายร่วมกันได้ หนึ่งในคำตอบของคำถามนี้ คือ “การออกกำลังกายในน้ำ” ค่ะ การออกกำลังกายในน้ำแบ่งได้ 2 รูปแบบ
การออกกำลังกายในน้ำลึก “Deep Water Exercise”
ออกกำลังกายในระดับน้ำลึกที่เท้าแตะพื้น สระว่ายน้ำเหมาะกับ ผู้ชำนาญการออกกำลังกายในน้ำลึก ซึ่งมีประโยชน์ค่อนข้างมาก เพราะร่างกาย ทั้งส่วนบนและส่วนล่างได้
การออกกำลังกายในน้ำที่ตื้น “Shallow Water Exercise”
เป็นการออกกำลังกายในระดับความลึกของน้ำไม่มาก ตั้งแต่ช่วงเอวจนถึงหัวไหล่ เหมาะกับผู้ที่เริ่มการออกกำลังกายในน้ำ และยังว่ายน้ำไม่แข็ง
การออกกำลังกายในน้ำเหมาะสำหรับทุกวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก หรือคนอ้วนผู้ที่เป็นโรคข้อ เช่น ข้อเข่าเสื่อม เกาต์ วัยกลางคนหรือวัยทอง รวมถึงผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ การออกกำลังกายในน้ำจะช่วยฟื้นฟูการบาดเจ็บกล้ามเนื้อและเอ็น เนื่องจากแรงต้านน้ำทำให้การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นไปอย่างช้าๆ แต่ใช้กำลังกล้ามเนื้อมากขึ้น เสี่ยงต่อการบาดเจ็บน้อยที่สุดและน้ำยังมีคุณสมบัติพิเศษช่วยให้การออกกำลังกายในน้ำดีต่อสุขภาพ
- น้ำมีแรงพยุงตัวลอยขึ้น ผู้ที่มีปัญหาโรคข้อหรือนักกีฬาที่บาดเจ็บกล้ามเนื้อและข้อสามารถออกกำลังกายในน้ำโดยไม่บาดเจ็บ และปลอดภัย เพราะน้ำเป็นตัวกลางที่ช่วยพยุงน้ำหนักตัวไว้ ลดแรงกดกระแทกในแนวดิ่ง ลดแรงกดและการรับน้ำหนักตามข้อต่อต่างๆ
- น้ำมีแรงต้านการเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ทำงานเพิ่มขึ้น ไม่เสี่ยงกับการบาดเจ็บ เพราะน้ำช่วยต้านการเคลื่อนไหวร่างกาย
- น้ำมีแรงนวดและแรงบีบต่อร่างกายทุกส่วน มีแรงพยุงและแรงกดทำให้เกิดแรงนวดและการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ลดการเกร็งกล้ามเนื้อ ทำให้การหมุนเวียนโลหิตทั่วร่างกายดีขึ้น ลดการเมื่อยล้าของร่างกาย
- น้ำช่วยระบายความร้อนจากร่างกายในขณะออกกำลังกายได้ดีมาก จึงรู้สึกสดชื่นเย็นสบายในช่วงอากาศร้อน รวมถึงช่วยป้องกันการบาดเจ็บและเผาผลาญพลังงานได้มาก
การออกกำลังกายในน้ำ คือ การออกกำลังกายกลางแจ้ง แนะนำให้ทาครีมหรือโลชั่นกันแดดก่อนลงน้ำ 30 นาทีรวมถึงใส่หมวก และใส่แว่นกันแดด เพื่อปกป้องผิวจากแสงแดด