วัคซีนสำคัญสำหรับทุกคน อย่าปล่อยผ่านเพราะเป็น “เด็กพิเศษ”

0

สถานการณ์โควิดในบ้านเรายังคงน่าเป็นห่วง เชื้อไวรัสโควิด 19 สายพันธุ์โอมิครอนมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งเด็กยังคงเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะเด็กที่จัดอยู่ในกลุ่มเปราะบางอย่างเด็กพิเศษ ที่มีความยากลำบากในการใช้ชีวิตประจำวัน การป้องกันด้วยการเข้ารับวัคซีนจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม!

เด็กพิเศษ หมายถึง เด็กกลุ่มที่จำเป็นต้องได้รับการดูแล ช่วยเหลือเป็นพิเศษ เพิ่มเติมจากวิธีการตามปกติ ทั้งในด้าน การใช้ชีวิตประจำวัน การเรียนรู้ และการเข้าสังคม เพื่อให้เด็กได้รับการพัฒนาเต็มตามศักยภาพของเขา ซึ่งได้แก่ กลุ่มเด็กเจ็บป่วยทางสุขภาพจิต กลุ่มเด็กที่มีพัฒนาการล่าช้า เด็กสมองพิการ เด็กออทิสติก เด็กกลุ่มอาการดาวน์

เมื่อเกิดการติดเชื้อโควิดจะส่งผลต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ทำให้เกิดปัญหาระยะยาวได้ ทั้งเรื่องระบบสมอง ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินอาหาร ระบบภูมิคุ้มกัน ฯลฯ นอกจากนี้ เด็กจะเป็นผู้กระจายเชื้อหรือแพร่เชื้อให้กับคนในครอบครัว ซึ่งอาจจะเป็นผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงสูงได้มาก ดังนั้นในกลุ่มเด็กเล็กเอง ก็มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับภูมิคุ้มกันเพื่อป้องกันโรค

สาเหตุที่เด็กพิเศษมีอัตราการติดเชื้อและอัตราการเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลสูงกว่าคนทั่วไปถึง 9.3 เท่า เนื่องจากมีความสามารถในการดูแลตัวเองน้อยกว่าเด็กทั่วไป ปฏิบัติตัวในป้องกันตนเองจากเชื้อโรคได้ไม่ดีพอ เช่น การปฏิเสธการใส่หน้ากากอนามัย การไม่เว้นระยะห่าง การใช้มือหยิบจับสิ่งของต่าง ๆ เข้าปาก และไม่ล้างมือเป็นประจำ เมื่อเจ็บป่วยก็ไม่สามารถสื่อสารบอกความผิดปกติของตนเองแก่ผู้อื่นได้ตั้งแต่ระยะแรก ๆ

นอกจากนี้ ในเด็กพิเศษบางกลุ่ม เช่น กลุ่มอาการดาวน์ ยังพบโรคทางกายร่วมได้บ่อย เช่น โรคหัวใจ โรคระบบทางเดินหายใจ ภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นต้น เมื่อติดเชื้อโควิด อาจจะกระทบต่อโรคทางกายที่มีอยู่เดิม ส่งผลให้มีอาการรุนแรงและถึงขั้นเสียชีวิตได้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเด็กกลุ่มนี้เจ็บป่วย ก็จะขาดโอกาสในการได้รับการฝึก กระตุ้นพัฒนาการ ส่งผลให้อาจจะมีพัฒนาการถดถอย และปัญหาพฤติกรรม-อารมณ์เพิ่มขึ้นได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาวอีกด้วย

การให้เด็กพิเศษได้รับวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อโควิด 19 ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยปกป้องเด็กจากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 และช่วยให้เด็กสามารถกลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้อย่างปลอดภัย โดยข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตพบว่า ที่ผ่านมาได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้แก่ผู้ที่มีสติปัญญาบกพร่อง ออทิสติก และสมาธิสั้น อายุ 18 ปีขึ้นไป เป็นจำนวน 3,880 คน และ ในเด็กอายุ 12-17 ปี จำนวน 269 คน (เฉพาะกลุ่มเด็กพิเศษเข็ม 1) และไม่ยังไม่พบว่ามีผลข้างเคียงรุนแรงใดๆ โดยส่วนใหญ่พ่อแม่และผู้ดูแลเด็กให้ความร่วมมือและต้องการให้บุตรหลานได้รับวัคซีนเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 อย่างต่อเนื่อง

ครอบครัวที่มีสมาชิกครอบครัวเป็นเด็กพิเศษ อย่าลืมพาน้องไปเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อลดอัตราการติดเชื้อ และลดความรุนแรงจากการเจ็บป่วยจากโรคโควิด-19 นะคะ

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *