ทุกวันนี้เรามักเห็นสถานการณ์ความรุนแรงในครอบครัวและสังคมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งครอบครัวถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่จะช่วยแก้ไขปัญหานี้ โดยเฉพาะผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวอย่าง “พ่อ” เพราะความอ่อนโยนของพ่อสามารถสร้างความผูกพันในครอบครัวที่จะเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาความรุนแรงได้ค่ะ
หลัก “FATHER”
โดย น.ต.นพ.บุญเรือง ไตรเรืองวรวัฒน์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต ได้แก่…
F : FIRM
ความหนักแน่นมั่นคงทั้งด้านอารมณ์และความคิด ที่มีความสม่ำเสมอ เช่น มีความชัดเจนให้กับลูกในการดำเนินชีวิต ให้เขามีเวลาในการตื่น กิน เล่น นอน เป็นกิจวัตรแต่มีความยืดหยุ่นไม่ตึงเครียดจนเกินไป ตลอดจนให้ลูกมีโอกาสได้เรียนรู้ทำอะไรด้วยตนเอง ไม่โกรธแค้น หรือโมโห เมื่อลูกทำสิ่งผิดพลาดหรือไม่ถูกใจ ให้ใช้เหตุผลคุยกัน
A : Appreciative
ชื่นชมยินดีกับลูกเมื่อลูกทำในสิ่งที่ดีงาม การแสดงความยินดีด้วยท่าทีที่แสดงออกด้วยรอยยิ้ม หัวเราะ ปรบมือ และโอบกอดนั้น ล้วนส่งผลดีต่อบุคลิกภาพ ความเชื่อมั่นในตัวเองของลูก และทำให้เขารู้ถึงคุณค่าในตนเอง อีกทั้งยังสร้างความทรงจำที่แสนดีที่มีต่อ “พ่อ” ได้ตลอดไป
T : Tender
การแสดงความรักอย่างนุ่มนวล สัมผัสโอบกอดพูดจาต่อกันด้วยความสุภาพสร้างความรัก ความผูกพันบรรยากาศดีๆ ให้เกิดขึ้นในครอบครัว
H : Honest
ความซื่อสัตย์ จริงใจเป็นแบบอย่างของผู้นำครอบครัวที่มีความซื่อสัตย์ จริงใจให้ลูกเห็น เช่น ซื่อสัตย์และจริงใจ รักแม่ของลูกอยู่เคียงข้างและคอยดูแลกันมีปัญหาก็คุยกัน ช่วยกันแก้ไข ให้เกียรติและยกย่องกันและกัน ไม่ให้บุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตคู่
E : Encouraging
การให้กำลังใจส่งเสริมให้ลูกได้ทำกิจกรรมที่เขาอยากทำด้วยความเต็มใจส่งเสริมให้ลูกมีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ ปลอบประโลมและให้กำลังใจเมื่อลูกผิดหวังหรือรู้สึกท้อแท้
R : Responsible
ความรับผิดชอบ ทั้งในหน้าที่การงาน และชีวิตครอบครัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกด้านการประพฤติปฏิบัติตนที่ถูกต้องเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในทุกๆเรื่องประหยัดอดออมวางแผนการใช้จ่ายในครอบครัว ชักจูงให้ปฏิบัติในสิ่งที่ดีงามทำความดีมีหลักศาสนายึดเหนี่ยวจิตใจเป็นต้น
ทั้งนี้ การสอนลูกให้ได้ผลดีที่สุด คือ ต้องทำให้ดูเป็นแบบอย่าง จะทำให้เด็กจดจำและเลียนแบบพฤติกรรม ลักษณะนิสัยดีๆ ของพ่อได้ ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันปัญหาความรุนแรงในครอบครัวและสังคมได้เป็นอย่างดี