ปฏิเสธไม่ได้ว่าสมาชิกในครอบครัวที่อยู่ใน “วัยทำงาน” ถือเป็นกำลังสำคัญในการรับภาระดูแลครอบครัว โดยเฉพาะในแง่การหารายได้เพื่อรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในบ้าน เหล่านี้เองอาจทำให้เกิดความเครียด และนำไปสู่โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ฉะนั้น การสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
Work-life Balance
หรือความสมดุลระหว่าง “งาน” กับ “การใช้ชีวิต” เป็นสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสำคัญ เนื่องจากในวัยทำงาน มักพบปัญหาจากการเสียสมดุลนี้ไป ซึ่งโดยส่วนใหญ่มีปัจจัยจากหน้าที่การงาน ภาระหน้าที่ของการเป็นพ่อแม่ หรือความเครียดทางการเงิน จนทำให้มีผลกระทบอื่นๆ ตามมา เช่น ภาวะเครียด โรคซึมเศร้า หรือปัญหาทางสุขภาพ เช่น ภาวะนอนไม่หลับ โรคหัวใจ โรคทางระบบภูมิคุ้มกัน จนถึงปัญหาทางครอบครัวและสังคม
Burn-Out Syndrome
หรือ อาการ “หมดไฟ” มักพบเมื่อสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว (Work-life Balance) เสียไป เกิดความเหนื่อยหน่ายทางอารมณ์ ขาดความกระตือรือร้นในการทำงาน อ่อนเพลีย เสียสมาธิ ความสัมพันธ์กับผู้อื่นมีปัญหา รู้สึกว่ามีความสุขน้อยลง ซึ่งอาจนำไปสู่โรคทางจิตใจและร่างกายอื่นๆ อีกด้วย โดยการป้องกันภาวะ Burn-out นี้ สามารถทำได้ด้วยการเริ่มที่ตนเอง ร่วมกับการสนับสนุนจากครอบครัวและที่ทำงาน
5 เทคนิคสร้างสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
โดย พญ. มณฑินี แสงเทียน รพ. บำรุงราษฎร์
- ดูแลร่างกายและสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนอน อาหาร การควบคุมน้ำหนัก และการตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อค้นหาและป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้น
- จัดระเบียบให้ชีวิต ทั้งด้านการทำงานและชีวิตส่วนตัว การจัดแบ่งและจัดตารางเวลาช่วยให้ชีวิตยุ่งยากน้อยลง นอกจากจะแบ่งเวลาให้ครอบครัวหรือเพื่อนแล้ว ต้องจัดเวลาให้ตัวเองอีกด้วย
- การออกกำลังกาย นอกจากจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้วยังช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง การเปลี่ยนสถานที่ออกกำลังกาย หรือมีกลุ่มเพื่อนที่มีความสนใจร่วมกันยังช่วยคลายความเครียดจากการทำงานได้อีกด้วย
- กิจกรรมอื่นๆ เช่น การทำงานการกุศล การปฏิบัติธรรม หรืองานอดิเรกต่างๆ ที่ชอบ ช่วยให้เกิดสมดุลระหว่างกายและใจ
สรุปง่ายๆ คือ การมีร่างกายและจิตใจแข็งแรง นำไปสู่การทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ประสบความสำเร็จทั้งหน้าที่การงาน ชีวิตส่วนตัว และมีความสุขอย่างยั่งยืนค่ะ
