เมื่อเบบี๋อายุครบ 6 เดือน พ่อแม่ควรเริ่มให้อาหารเสริม เนื่องจากร่างกายของทารกต้องการพลังงานและสารอาหารบางอย่างนอกเหนือไปจากนมแม่ เพื่อพัฒนาการที่ครบสมบูรณ์ รวมถึงเพื่อฝึกพัฒนาการการกลืนและการเคี้ยวอาหาร และหนึ่งในอาหารที่เหมาะแก่การเป็นอาหารเสริมสำหรับเบบี๋ คือ…
ฟักทอง
เป็นอาหารที่นำมาทำได้ทั้งเมนูคาวและหวาน อุดมไปด้วยสารแคโรทีนอยด์ที่ช่วยพัฒนาระบบการมองเห็นและต้านอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง และช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ มีกรดโปรไพโอนิค ที่ทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนตัวลง อีกทั้งยังมีเส้นใย วิตามินซี และสังกะสีสูงอีกด้วย ฟักทองช่วยเรื่องระบบขับถ่ายและรักษากระดูกและฟันให้แข็งแรง
เคล็ดลับในการจัดเมนู “ฟักทอง” เป็นอาหารเสริมทารก
- ก่อนนำฟักทองมาปรุงอาหารเสริมให้ทารกควรปอกเปลือกฟักทองและคว้านไส้ออกจนหมดหั่นชิ้นใหญ่ แล้วนำไปนึ่งจนสุกก่อน
- เนื้อสัมผัสของฟักทองควรจัดให้เหมาะสมกับพัฒนาการของทารก โดยเริ่มจากอาหารเหลว กึ่งเหลว กึ่งแข็งอ่อนนิ่มและหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เช่น ทารกวัย 6 เดือน ต้องบดข้าวกับฟักทองให้เป็นเนื้อละเอียดเหลว แต่ในเด็กที่วัยโตกว่า ไม่ต้องบดจนเหลว แต่ให้บดพอมีเนื้อหยาบๆ ให้ลูกได้ฝึกเคี้ยว
- ในกรณีที่ต้องการฟักทองที่บดละเอียด ควรบดผ่านกระชอนหรือตะแกรง เพื่อจะได้ละเอียดจริงๆ ระวังอย่าให้มีเส้นๆ เด็ดขาด
- เมนูที่แนะนำ เช่น ข้าวบดฟักทอง ซึ่งอาจเพิ่มเนื้อปลาหรือเนื้อไก่บดเพิ่มเข้าไปด้วย, ฟักทองไข่แดงบด,
- ไม่ควรปรุงแต่งรสชาติด้วยเครื่องปรุงรสต่างๆ แต่ควรให้ลูกได้รับประทานรสชาติอาหารที่เป็นรสธรรมชาติจริงๆ
- ภาชนะที่ใส่อาหารและอุปกรณ์ในการปรุงอาหารให้ทารกต้องสะอาดเพื่อป้องกันการปนเปื้อน
นอกจากประโยชน์สำหรับทารกแล้ว ฟักทองยังเป็นเมนูที่ดีต่อคุณแม่หลังคลอดมากๆ เพราะอุดมไปด้วยวิตามินเอ บี ซี ฟอสฟอรัส เบตาแคโรทีน ช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ผิวพรรณจะสดใสเปล่งปลั่ง ป้องกันไม่ให้ป่วยง่าย มีไฟเบอร์สูงช่วยในการขับถ่าย และให้พลังงานเพียง 49 แคลอรีเท่านั้น รับประทานแล้วจะรู้สึกอิ่มนาน จึงช่วยลดน้ำหนักได้ดี ทั้งยังช่วยขับนํ้านม จึงเหมาะกับคุณแม่หลังคลอดอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ สำหรับควรให้เบบี๋รับประทานฟักทองในปริมาณที่เหมาะสม ไม่ควรให้เบบี๋หม่ำฟักทองมากเกินไปเพราะอาจทำให้เกิดอาการตัวเหลือง ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ค่ะ