เด็กทารกสมัยนี้เกิดมาก็เจอห้องแอร์ตั้งแต่อยู่โรงพยาบาล เชื่อว่าหลายต่อบ้านก็คงจะเลี้ยงลูกน้อยไว้ในห้องแอร์ซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะธรรมชาติของแอร์นั้นจะควบคุมอุณหภูมิ และความเย็นภายในห้องได้อย่างทั่วถึง ทำให้เนื้อตัวไม่เหนียวเหนอะนะ ลดความหงุดหงิด ความไม่สบายตัว รวมทั้งกันเสียงรบกวนจากภายนอกได้อีกด้วย
จะเห็นได้ว่าไม่ว่าเด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ที่อยู่ในห้องแอร์จะนอนหลับได้สนิท และอารมณ์ดีกว่าอยู่ในห้องข้างนอกที่มีอากาศร้อนอบอ้าว แต่ก่อนที่คุณจะติดตั้งแอร์ในห้องนอนลูก ควรจะเลือกขนาดบีทียูของแอร์ให้สอดคล้องกับ ความกว้างของห้อง รวมทั้งการติดตั้งพัดลมดูดอากาศ ซึ่งจะช่วยทำให้มีออกซิเจนหมุนเวียนอยู่ในห้องเพิ่มขึ้น อีกทั้งการดูแลความสะอาดจะต้องล้างที่กรองฝุ่นทุกอาทิตย์ เพราะอากาศเมืองร้อนอย่างบ้านเรามักจะมีฝุ่นเยอะ ถ้าไม่ล้างที่กรองฝุ่นบ่อย ๆ อาจจะทำให้เชื้อโรคหมักหมมจนเป็นแหล่งเพาะเชื้อโรคได้ค่ะ
จัดการห้องแอร์ให้ปลอดภัยสำหรับเบบี๋
- ปรับอุณหภูมิให้ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป ที่ประมาณ 25-27 องศาเซลเซียส
- ตั้งปรับพัดลมของแอร์ให้เป็นระบบ Auto Swing และตั้ง Sleep โหมด เพื่อทำให้อุณหภูมิในห้องไม่เย็นจนเกินไป และกระจายความเย็นทั่วห้อง
- หลีกเลี่ยงการเปิดแอร์ในตอนเช้าและตอนกลางคืน เพราะอากาศค่อนข้างเย็นอยู่แล้ว
- ตั้งเตียงหรือเบาะนั่งเล่นของลูกเลี่ยงทิศทางลม ไม่ให้อยู่ในระดับทางลมแอร์พัดโดยตรง เพราะเมื่อลมแอร์ตกลงที่ศีรษะเด็กอย่างจัง อาจทำให้เจ้าหนูอาจไม่สบายได้
- เปิดห้องให้อากาศบริสุทธิ์ภายนอกไหลเวียนเข้ามาบ้าง อย่างน้อยวันละ 3-4 ชั่วโมงขึ้นไป รวมทั้งเปิดม่านให้แดดส่องเพื่อฆ่าเชื้อโรคในห้อง
- ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดเฟอร์นิเจอร์ให้ปราศจากฝุ่นดีกว่าการปัดฝุ่น เพราะการปัดจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายยิ่งขึ้น
- หลีกเลี่ยงการใช้แอร์เคลื่อนที่ชนิดเติมน้ำหรือเติมน้ำแข็ง เพราะว่าจะทำให้ลูกหายใจเอาละอองน้ำเข้าไปด้วย ส่งผลให้ปอดบวมหรือปอดชื้นได้
อย่างไรก็ตามคุณแม่ควรเปิดแอร์ภายในห้อง เฉพาะตอนที่อากาศร้อนเหลือกำลังจริงๆ เพราะอย่างน้อยลูกก็จะได้คุ้นชิน และมีภูมิต้านทานความร้อน และไม่โยเยเพราะติดห้องแอร์ และการที่ให้ลูกได้อยู่ในอากาศธรรมชาติ ย่อมจะดีต่อสุขภาพที่สุดค่ะ