ทำเอาคุณแม่ที่มีเบบี๋วัยทารกเกิดอาการไขว้เขวกันไม่น้อย ทั้งที่ข้อมูลและผลวิจัยออกมามากมายสนับสนุนให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ แต่พอได้ยินโฆษณาที่อ้างว่านมผงมี DHA ช่วยเด็กฉลาด หลับยาวนาน ก็ชักไม่แน่ใจ เอ…หรือควรเลี้ยงเจ้าตัวเล็กด้วยนมผงดีน้า เอาล่ะอย่าเพิ่งรีบตัดสินใจค่ะ มาลองฟังข้อมูลดีๆ จากเราดีกว่า
ในช่วงแรกเกิดจนอายุ 6 เดือน เด็กทารกควรได้รับนมแม่เป็นอาหารเพียงอย่างเดียว เพราะเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับช่วงอายุนี้ คือ มีสารอาหารที่ครบถ้วน มีภูมิคุ้มกันสูง
หลังจากนั้นก็ยังควรให้ลูกน้อยกินนมแม่อย่างต่อเนื่องพร้อมอาหารเสริมตามวัยจนถึง 2 ปี หรือมากกว่า เพราะการเจริญเติบโตของเด็กจะเริ่มจากด้านบนลงข้างล่าง คือ เริ่มพัฒนาจากสมอง คอชันได้ ใช้มือ นั่งได้ คลานได้ ยืนได้ และเดินได้
การให้นมแม่ที่มีสารอาหารที่มีประโยชน์มากกว่า 200 ชนิด แก่ลูกตั้งแต่แรกนั้น จะช่วยให้สมองของเด็กได้รับการพัฒนาอย่างเต็มที่ เรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว โดยผลวิจัยทั่วโลกยืนยันตรงกันว่าเด็กที่กินนมแม่จะมีไอคิวสูงกว่าเด็กที่ไม่ได้กิน 5 – 11 จุด และยังทำให้อีคิวดีขึ้นด้วย
อุปสรรคที่จะทำให้ลูกไม่ได้กินนมแม่ต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 6 เดือน หรือไปจนถึง 2 ปี หรือมากกว่านั้น คือ ถูกทำให้หวั่นไหวว่านมผงนั้นดีกว่านมแม่ เช่น คนรอบข้างบอกว่ากินนมแม่ 3 – 4 เดือน หลังจากนั้น ก็ไม่จำเป็นแล้ว ไม่มีประโยชน์ รวมถึงจากการทำการตลาดและโฆษณาของบริษัทผลิตภัณฑ์นมผง อวดอ้างสรรพคุณ โน้มน้าว เปรียบเทียบ จูงใจว่า “นมผงมีสารอาหารช่วยให้เด็กฉลาด แข็งแรง แถมยังถูกสะกดจิตให้เคลิ้มจากโฆษณาทางโทรทัศน์ว่านมผงจะทำให้เบบี๋ได้รับ DHA ทำให้เด็กฉลาด ลูกนอนหลับดี มีพัฒนาการ สุขภาพแข็งแรง”
ซึ่งจริงๆ แล้วไม่ใช่ เพราะเป็น DHA สังเคราะห์ ซึ่งมีการวิจัยพบว่านมผงที่ใส่ DHA และไม่ใส่นั้นไม่มีความแตกต่างกัน
ส่วนข้อสงสัยที่ว่าการดื่มนมแม่ทำให้เบบี๋ตื่นบ่อยนั้น การที่เด็กที่กินนมแม่ถูกมองว่าจะตื่นบ่อย เนื่องจากกระเพาะของเด็กยังเล็กเท่าผลเชอรี เมื่อกินนมแม่แล้วก็จะอิ่มเร็วและตื่นเร็ว พอผ่านไป 1 เดือน กระเพาะจึงมีขนาดใหญ่ขึ้นประมาณไข่ไก่ ทั้งนี้การที่ลูกตื่นมาดื่มนมแม่บ่อยทุก 2 – 3 ชั่วโมง กลับเป็นเรื่องดีมากกว่า เพราะช่วยกระตุ้นน้ำนมของแม่ ส่วนการนอนหลับมากๆ ใช่ว่าจะมีผลดี เพราะจะทำให้เด็กได้รับสารอาหารที่จำเป็นต่อการพัฒนาร่างกายน้อยลง