โดยปกติแล้วเด็กๆ ที่กินอิ่มหลับสบายมักจะตื่นมาอารมณ์ดี ร่าเริงแจ่มใส แต่ก็มีไม่น้อยที่คุณแม่ต้องประสบปัญหาลูกน้อยตื่นยาก งอแง ขี้เซา กว่าจะปลุกปลอบขึ้นมาทำกิจกรรมต่างๆ ได้ด้วยอารมณ์ปกติคุณแม่ก็หมดพลังงานไปมากโขแล้ว ดังนั้นเราคงก็มาหาสาเหตุ แก้ปัญหา และเตรียมพร้อมช่วยลูกน้อยปรับตัวปรับอารมณ์กันแล้วล่ะค่ะ เริ่มจาก…
พาเข้านอนให้เป็นเวลา
เด็กเล็กไม่ควรที่จะนอนดึกมากนัก ในวัยนี้เริ่มเรียนรู้และมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณพ่อคุณแม่เปิดทีวีทิ้งไว้ อาจทำให้ลูกสนใจแสงสีในทีวีมากกว่าห้องนอนอันเงียบสงบนะคะ หรือแม้กระทั่งการเล่นโทรศัพท์มือถือ ทางที่ดีควรปิดทั้งอุปกรณ์เครื่องใช้ในบ้านและอุปกรณ์สื่อสารที่จะรบกวนการนอนของลูกดีที่สุด
ใช้เสียงคุณพ่อคุณแม่เป็นนาฬิกาปลุก
เสียงอันอบอุ่นด้วยความรักของคุณพ่อคุณแม่ช่วยให้ลูกน้อยอารมณ์ดีทั้งก่อนนอนและหลังตื่นนอนได้ ก่อนนอนคุณแม่ส่งนอนด้วยการหัดให้ลูกพูด “Good night” หรือ “ราตรีสวัสดิ์” ผลัดกันกอด หอมแก้ม ให้ลูกรู้สึกอบอุ่นใจก่อนนอน บอกให้รู้ว่าคูณแม่อยู่ใกล้ๆ ไม่ได้ไปไหน ตื่นเช้ามาคุณแม่ส่งเสียงกระซิบเบาๆ ข้างหูว่า “Good morning” เป็นสัญญาณว่าถึงเวลาตื่นแล้วจะ และชักชวนให้ลูกพูดตอบโต้กลับจะช่วยกระตุ้นให้ลูกตื่นนอนอย่างสดชื่นได้ค่ะ
กระตุ้นด้วยเรื่องน่าตื่นเต้น
ในช่วงวันหยุดพักผ่อน หากคุณพ่อคุณแม่มีแพลนพาลูกน้อยไปเที่ยวอยู่แล้ว อาจปลุกลูกน้อยด้วยการพูดกิจกรรมที่จะทำในวันนั้น เช่น การสัมผัสลูกเบาๆ ค่อยๆ ลูบไล้ลูกแล้วพูดชักชวนให้ลูกตื่น เพื่อเตรียมตัวเกินทางไปเที่ยว เช่น ใครอยากไปดูโลมากับคุณแม่บ้างน้า วันนี้เราจะไปให้อาหารยีราฟ แล้วก็ไปกินไอติม กันดีไหมน้า
ใช้อาหารเช้าล่อใจ
นอกจากอาหารเช้าเป็นสิ่งจำเป็นของเด็กๆ ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงแล้ว การเตรียมอาหารเช้าที่หน้าตาน่าทาน ตกแต่งด้วยไอเดียต่างๆ หมุนเวียนเปลี่ยนกันไป รสชาติอร่อยถูกปากลูก ก็ทำให้ลูกอยากตื่นขึ้นมาพบกับอาหารฝีมือคุณแม่ทุกวัน ก็ทำให้ลูกอารมณ์ดีมีความสุขได้อีกด้วยค่ะ
ปลุกสมองด้วยเสียงดนตรี
คุณแม่อาจเลือกเพลงเพลงโปรด หรือเพลงที่มีจังหวะดนตรีสนุกสนาน ช่วยกระตุ้นให้สมองของลูกตื่นตัวและทำให้ลูกแจ่มใสได้โดยอัตโนมัติค่ะ
ลูกจ๋าของใครยังตื่นยากงอแงอยู่ ลองเอาวิธีเหล่านี้ไปใช้ดูนะคะ คุณแม่ขา