แม้อาการไข้จพดูไม่ใช่เรื่องใหญ่โต แต่สำหรับลูกรักคุณพ่อคุณแม่ก็คงกังวลไม่น้อย อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เรามาทำความรู้จักอาการไข้ และวิธีรับมือฉบับคุณพ่อคุณแม่มือโปรกันดีกว่าค่ะ
“ไข้”
หมายถึงการที่ร่างกายมีอุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าหรือเท่ากับ 37.5 องศาเซลเซียส สังเกตได้จากการที่เด็กตัวร้อน หรือหนาวสั่น แต่ถ้าให้แน่นอนกว่านั้น ควรใช้ปรอทวัดไข้ เพื่อให้แน่ใจก่อนกินยา โดยไข้แบ่งออกเป็น 3 ระดับตามอุณหภูมิที่วัดได้ ดังนี้
- อุณหภูมิ 5 – 38.4 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ต่ำๆ หรือตัวรุมๆ อาจจะแค่เช็ดตัวลดไข้ ไม่ถึงกับต้องให้กินยา
- อุณหภูมิ 5 – 39.4 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้ปานกลาง แนะนำให้กินยาลดไข้และเช็ดตัวร่วมด้วย
- อุณหภูมิมากกว่า 5 องศาเซลเซียส ถือว่ามีไข้สูง แนะนำให้กินยาลดไข้และเช็ดตัว ในเด็กเล็ก ต้องระวังภาวะชักจากไข้สูง
ทั้งนี้ไข้ต่ำหรือสูงไม่ได้บอกความรุนแรงของโรค แต่ไข้สูงจะเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะชักจากไข้สูงได้ค่ะ
ทำอย่างไรเมื่อลูกมีไข้?
- ป้อนยาลดไข้พาราเซตามอล โดยคำนวณปริมาณยาตามน้ำหนักตัวของลูก หรือดูตามตารางที่คุณหมอให้ไว้ด้านล่าง โดยการป้อนยาแต่ละครั้ง ต้องห่างกันอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- เช็ดตัวลูกด้วยน้ำก๊อกธรรมดาหรืออุ่นเล็กน้อย และวางผ้าผืนเล็กๆชุบน้ำไว้บริเวณซอกคอ รักแร้ ขาหนีบ จะช่วยระบายความร้อนออกจากร่างกายได้ดีขึ้นแผ่นเจลแปะหน้าผากไม่ได้ช่วยลดไข้ แค่ทำให้รู้สึกปวดศีรษะน้อยลงเท่านั้นค่ะ จึงต้องเช็ดตัวให้ลูกด้วย อย่าใช้แต่แผ่นเจลแปะ แล้วหวังว่าไข้จะลดลง
- อย่าลืม ปิดแอร์หรือพัดลมขณะเช็ดตัว เพื่อไม่ให้ลูกหนาวสั่นเพราะจะทำให้ไข้สูงขึ้น อาบน้ำสระผมได้ แต่ไม่ให้เล่นน้ำนาน หลังอาบน้ำเสร็จเช็ดตัวให้แห้ง
- กินอาหารอ่อนย่อยง่าย และให้ดื่มน้ำมากๆ ถ้าร่างกายขาดน้ำ ไข้จะสูงขึ้นให้อยู่ในที่อากาศเย็นสบาย และมีอากาศถ่ายเท สามารถเปิดแอร์ได้หลังเช็ดตัวเสร็จ แต่อย่าให้หนาวเกินไป
โดยทั่วไปเมื่อลูกมีไข้ ไม่จำเป็นต้องพบคุณหมอทุกครั้งค่ะ เพราะเวลาที่เด็กมีไข้ ส่วนใหญ่สามารถหายได้เอง แต่หากลูกมีไข้ไม่เกิน 3 วัน เป็นแค่ไข้ต่ำๆหรือไข้ปานกลาง ยังกินข้าวและนมได้ เล่นได้เป็นปกติดี ไม่ซึม ไม่หอบ คุณพ่อคุณแม่สามารถดูแลเบื้องต้นเองที่บ้านได้ตามที่แนะนำ แต่ถ้ายังมีไข้สูงต่อเนื่องเกิน 3 วันขึ้นไป แนะนำให้ไปพบแพทย์นะคะ ที่สำคัญควรมีปรอทวัดไข้ ยาลดไข้ หรือแผ่นเจลลดไข้ติดบ้านไว้ จะได้สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่อลูกมีอาการไข้ค่ะ