พูดถึง “ผักสลัด” หลายคนคงนึกถึงผักนานาชนิด รับประทานคู่กับน้ำสลัดหรือน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น นอกจากรสชาติอร่อยถูกปากแล้ว ยังเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพเพราะอุดมด้วยวิตามินแร่ธาตุที่มีประโยชน์ แต่รู้หรือไม่ว่าการรับประทานผักสลัดอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อโรคอาหารเป็นพิษได้!!
ข้อมูลจากงานวิจัยจากมหาวิทยาลัย Leicester ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Applied and Environmental Microbiology พบว่า…
ผักที่ผ่านการตัดตกแต่ง ล้างพร้อมหั่นสำเร็จและบรรจุในถุงวางขายนั้น จะมีน้ำผักซึมออกมาจากผัก ซึ่งน้ำผักเป็นแหล่งอาหารที่เชื้อแบคทีเรียซาลโมเนลลาเจริญเติบโตได้ดี
หากผักในถุงมีการปนเปื้อนของเชื้อ น้ำจากผักก็จะหล่อเลี้ยงให้เชื้อเจริญเติบโต ยิ่งเก็บอยู่ในตู้เย็นนานวัน เชื้อก็ยิ่งเจริญเติบโตเพิ่มทวีคูณ ที่น่ากลัวคือ แม้ว่าจะนำผักดังกล่าวมาล้างก่อนรับประทาน ก็ยังไม่สามารถกำจัดเชื้อร้ายเหล่านี้ออกไปได้
ซาลโมเนลลา (Salmonella)
เป็นชื่อสกุลของแบคทีเรียในวงศ์ Enterobacteriaceae ซึ่งก่อให้เกิดโรค ซึ่งมีอาหารเป็นสื่อกลาง ซาลโมเนลลามีรูปร่างเป็นท่อนจัดอยู่ในกลุ่ม facultative anaerobe คือเจริญได้ทั้งในสภาวะที่มีอากาศและไม่มีอากาศ
แต่ในสภาวะที่มีอากาศเจริญได้ดีกว่าเป็นแบคทีเรียที่เจริญได้ดีที่อุณหภูมิปานกลาง (30-45 องศาเซลเซียส) และเจริญได้ในอุณหภูมิร่างกายของมนุษย์และสัตว์เลือดอุ่น อุณหภูมิต่ำสุดที่เจริญเติบโตได้คือ 5.2 องศาเซลเซียส ส่วนอุณหภูมิสูงสุดคือ 54 องศาเซลเซียส
ซาลโมเนลลา เป็นเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของโรคอาหารเป็นพิษหรืออุจจาระร่วง อาการโดยทั่วไปของผู้ป่วยคือ ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ไข้สูง หนาวสั่น โดยความรุนแรงของโรคจะขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับฉะนั้น เพื่อความปลอดภัยจากโรคอาหารเป็นพิษควรเลือกซื้อผักมาทำสลัดแบบเป็นต้นสดๆที่ยังไม่ผ่านการหั่น เมื่อจะรับประทานค่อยนำมาล้างให้สะอาดอย่างถูกวิธี และหั่นเอง จะลดความเสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษได้ดีกว่า
หากจำเป็นต้องซื้อสลัดผักแบบพร้อมกินมารับประทาน ควรเลือกยี่ห้อที่เชื่อถือได้ ดูวันผลิต เลือกห่อที่ไม่มีน้ำผักออกมาปนเปื้อนเยอะ นำมาล้างซ้ำอีกครั้งและรับประทานทันที อย่าเก็บไว้หลายๆวัน