บ่อยครั้งทีเดียวที่แฟชั่นความงามต่างๆ นำมาซึ่งภัยร้ายต่อสุขภาพหรือก่อให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆ ดังเช่นกรณีโซเชียลมีเดียได้โพสต์เผยแพร่กรณีหญิงสาวชาวต่างชาติเพนต์สีเฮนน่าตามร่างกายแล้วเกิดอาการแพ้ ส่งผลให้มือของหญิงสาวคนดังกล่าวเป็นแผลพุพองตามข้อความที่เพนต์ ซึ่งดูน่ากลัวมากๆ
“เฮนน่า”
เป็นชื่อสมุนไพรในเขตร้อน ปลูกกันมากในประเทศอินเดีย สำหรับสีเฮนน่าตามปกติจะทำมาจากสมุนไพรเฮนน่าซึ่งไม่ค่อยพบว่ามีผู้แพ้ แต่ในปัจจุบันกลับพบว่ามีการผสมสารย้อมผมในสีเฮนน่า เพื่อให้เกิดความคมชัด และมีสีเข้มมากกว่าสีที่มาจากธรรมชาติ โดยสารที่นำมาเติมในสีเพนต์เฮนน่า แล้วทำให้เกิดการแพ้ได้บ่อย คือ พาราเฟนนิลีนไดเอมีน หรือ พีพีดีที่เป็นสารประกอบตัวเดียวกันกับที่ใช้เติมในน้ำยาย้อมผม ที่ทำให้เกิดสีเข้มต่างกัน
ในรายที่เกิดอาการแพ้มากนั้น หลังจากเพนต์สีเฮนน่าไม่นาน อาการจะออกมาอย่างรวดเร็ว โดยจะมีอาการผื่นขึ้น มีตุ่มน้ำใสขึ้น คันบริเวณที่เพนต์ แต่บางคนที่แพ้ไม่มาก อาการอาจจะออกภายใน 7-10 วัน ซึ่งหากพบว่ามีอาการแพ้ ขอแนะนำว่าให้รีบเข้าพบแพทย์ในทันที เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยว่าอาการแพ้นั้นเกิดจากสีที่เพนต์ หรือเกิดจากการติดเชื้อ
ดังนั้นก่อนตัดสินใจจะเพนต์ เพื่อความปลอดภัยให้สังเกตลักษณะสีที่ใช้เพนต์ว่าเป็นอย่างไร หากมีสีเข้มหรือทำให้เกิดสีที่ออกดำชัดเจนมาก อาจจะมีการผสมของส่วนประกอบของพีพีดีหรือสารย้อมผม จึงทำให้เกิดการแพ้ค่อนข้างง่ายถ้าเป็นเฮนน่าธรรมชาติ สีจะออกน้ำตาลแดง สีไม่คมชัด ซึ่งจะมีโอกาสแพ้น้อยกว่า
หากแพ้สีที่เพนต์ แพทย์มักจะรักษาอาการโดยการจ่ายยาทาที่มีสารสเตียรอยด์ ทาเพียงไม่นานอาการแพ้ ผื่นคันหรือตุ่มน้ำใสก็จะหายไป อย่างไรก็ตาม สีเฮนน่าอาจจะทำให้เกิดรอยดำที่ผิวไม่นานก็จะจางหายไปเช่นกัน ฉะนั้นหากต้องการจะเพนต์สีเฮนน่าหรือสีต่างๆ ตามร่างกาย ควรทดลองใช้สีนั้นนำมาแต้มลงที่ร่างกายดูก่อนโดยแต้มในจุดที่หากเกิดอาการแพ้แล้ว จะไม่เห็นเด่นชัด เช่น ต้นแขนหรือในร่มผ้า เมื่อลองแต้มดูสักระยะแล้วไม่พบอาการแพ้ก็สามารถเพนต์ได้ตามปกติ
หากมีอาการแพ้เกิดขึ้นหลังเพนต์เฮนน่ารวมถึงการเพนต์สีอื่นๆ ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยให้ถูกต้อง อย่าพยายามซื้อยามาทาเองเด็ดขาด