ควันหลงสงกรานต์ที่สร้างความเจ็บช้ำให้บรรดาหนุ่มสาวที่ตากแดดเล่นน้ำสงกรานต์ โดยปราศจากการป้องกันผิวจากแดดแรงๆ ของประเทศไทยคือ โรคผิวหนังอักเสบจากแสงแดด งานนี้ใครที่คิดจะบรรเทาอาการด้วยการทำทรีตเมนต์ หรือทาไวเทนนิงทันที ขอบอกว่าอย่าทำเด็ดขาด เพราะยิ่งระคายเคืองกว่าเดิม
ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงฤดูร้อน ซึ่งแสงแดดที่จ้าและมลภาวะต่างๆ เป็นปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคผิวหนังได้ง่าย โดยเฉพาะแสงอัลตราไวโอเลต (ยูวี) จากดวงอาทิตย์ ทำให้เกิดอันตรายต่อผิวหนังและเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง รวมถึงโรคผิวหนังต่างๆ
จากการเล่นน้ำสงกรานต์ในวันหยุดยาวที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อสุขภาพของหลายๆ คน อันเป็นผลจากการได้รับอันตรายจากแสงแดดขณะเล่นน้ำสงกรานต์ คือ ผิวหนังอักเสบจากแสงแดด ซึ่งหากรักษาไม่ถูกวิธีจะส่งผลให้เกิดปัญหาผิวอื่นๆ ตามมา สำหรับอาการเบื้องต้น คือ จะเริ่มจากมีอาการคันและแสบผิว จนสามารถรู้สึกได้ถึงความร้อนที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง เมื่อเกิดอาการดังกล่าวขึ้น ให้รีบหยุดกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ทันที เพราะหากยังคงพยายามฝืนทำกิจกรรมต่อ จะทำให้ผิวหนังเกิดอาการไหม้จากแสงแดดขึ้นได้
นพ.ธีรพล โตพันธานนท์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ให้ข้อมูลว่า…
อาการของผิวไหม้จากแสงแดด คือ เมื่อเลิกทำกิจกรรมกลางแจ้งใหม่ๆ ผิวจะเปลี่ยนเป็นสีแดง และมีอาการแสบผิวเป็นอย่างมาก เมื่อผ่านไปสักหนึ่งวันผิวจะกลายเป็นสีคล้ำและเริ่มมีอาการคัน พร้อมกับมีผิวหนังลอกออกมาเป็นขุย ไม่ควรทำทรีตเมนต์ หรือทาไวเทนนิง หลังผิวหนังไหม้แดดในช่วงแรก เพราะจะเกิดการระคายเคืองและทำให้ผิวดำกว่าเดิม ควรรีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยตรง เพราะหากปล่อยให้ผิวหนังมีการอักเสบเรื้อรัง อาจก่อให้เกิดการติดเชื้อ และมะเร็งผิวหนังในระยะยาว
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะผัก และผลไม้จะช่วยป้องกันอันตรายของแสงแดดที่มาทำร้ายผิวได้ เช่น มะเขือเทศที่มีสารไลโคปิน แครอทที่มีสารเบตาแคโรทีนและกรดโฟลิก จะช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีได้ นอกจากนี้ การดื่มน้ำเปล่าอย่างสม่ำเสมอวันละ 8 แก้ว จะช่วยให้เซลล์ผิวหนังทำงานได้ปกติ ลดการสูญเสียน้ำในร่างกายในช่วงหน้าร้อน ทำให้ผิวชุ่มชื่นและมีสุขภาพที่ดีได้
ที่สำคัญ ควรปกป้องผิวจากแสงแดดอันร้อนแรงของประเทศไทย โดยการทาครีมหรือโลชั่นกันแดดเป็นประจำทุกวัน โดยทาลงบนผิวหน้าและผิวกายก่อนออกแดดประมาณ 20 นาที