เพราะอากาศร้อนแสนสาหัส ทำให้แต่ละคนต่างหาวิธีคลายร้อน หนึ่งในนั้นคือ…
การใช้พัดลมไอน้ำ
เนื่องจากได้ทั้งลมเย็นและความสดชื่นจากละอองน้ำ แต่ล่าสุดทำเอาผู้ใช้พัดลมไอน้ำผวา กับกรณีโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ออกหนังสือเวียนให้งดการใช้พัดลมไอน้ำในหอผู้ป่วย หลังพบงานวิจัยว่าละอองน้ำมีการปนเปื้อนอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยระบบทางเดินหายใจเรื้อรังได้!
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักพัดลมไอน้ำกันดีกว่าเพราะหลายคนมักสับสนกับพัดลมไอเย็นโดย “พัดลมไอน้ำ”ทำงานโดยการพ่นละอองน้ำออกมาแล้วใช้พัดลมเป่าให้ละอองน้ำกระจายตัว จึงเหมาะสำหรับพื้นที่ที่ต้องการความชื้น เช่น โรงเพาะชำ หรือที่โล่งแจ้ง เนื่องจากอากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี
แต่อาจไม่เหมาะกับที่อับ เช่น ภายในบ้าน หรือโรงอาหาร ในช่วงฤดูร้อนสามารถใช้พัดลมไอน้ำช่วยคลายร้อนได้ ละอองไอน้ำจากพัดลมจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศ ไม่เหมาะที่จะใช้ช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว เนื่องจากในอากาศมีความชื้นสูงอยู่แล้ว
สำหรับการนำพัดลมไอน้ำมาใช้ในห้อง ซึ่งมีพื้นที่มิดชิด อากาศถ่ายเทไม่ดี ไม่แนะนำให้ใช้ เนื่องจากจะเป็นการเพิ่มความชื้นในห้องให้สูงขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงให้กับผู้ที่ป่วยอยู่แล้วโดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียง ซึ่งขณะนี้มีส่วนหนึ่งที่พักฟื้นที่บ้าน ส่วนใหญ่มักเป็นผู้สูงอายุ รวมทั้งผู้ที่เป็นโรคทางเดินหายใจอยู่แล้วเช่น เป็นไข้หวัด อาจเสี่ยงทำให้เกิดโรคปอดบวมได้ หากจำเป็นต้องใช้พัดลม แนะนำให้ใช้พัดลมธรรมดาทั่วไป
ในการใช้พัดลมไอน้ำที่ปลอดภัย ควรยึดหลัก ดังนี้
- ทำความสะอาดถังบรรจุน้ำ หากเป็นไปได้ควรทำทุกวัน โดยใช้น้ำยาฆ่าเชื้อหรือใช้ผงซักฟอกทั่วไปก็ได้ และทำความสะอาดหัวฉีดไม่ให้อุดตัน หรือเป็นจุดเก็บกักเชื้อโรค
- น้ำที่นำมาใช้กับพัดลมควรเป็นน้ำที่สะอาด ผ่านระบบการฆ่าเชื้อมาแล้ว เช่น น้ำประปา หรือน้ำดื่มบรรจุขวดทั่วไป ห้ามใช้น้ำคลอง หรือน้ำบ่อ เพราะหากมีเชื้อโรคในน้ำ จะทำให้ร่างกายสูดเอาเชื้อโรคเข้าไปด้วย
และเพื่อป้องกันโรคลีเจียนแนร์ในส่วนของพัดลมไอน้ำควรล้างภาชนะบรรจุน้ำอย่าปล่อยให้มีตะไคร่น้ำและเปลี่ยนน้ำบ่อยๆ หากล้างและเติมน้ำประปาที่มีคลอรีนตามเกณฑ์มาตรฐานจะช่วยทำลายเชื้อนี้ได้