ประมาณเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนของทุกปีจะเรียกว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทุเรียนก็คงไม่ผิดนัก เพราะเป็นช่วงเวลาที่ผลผลิตทุเรียนสุกพร้อมรับประทาน แม้รสชาติของทุเรียนจะเลอค่าจนถูกยกให้เป็นราชาแห่งผลไม้ไทย
แต่เพราะทุเรียนให้พลังงานสูง เหล่าผู้รักสุขภาพโดยเฉพาะสาวๆ จึงพยายามหักห้ามใจไม่หม่ำทุเรียนเนื่องจากกลัวอ้วน!
ในแง่ข้อมูลทางโภชนาการของทุเรียน พบว่า ทุเรียน 2 เม็ดขนาดกลาง มีน้ำหนักเฉพาะเนื้อประมาณ 100 กรัม
- ให้พลังงานประมาณ 187 กิโลแคลอรี่
- ให้ไขมัน 4.1 กรัม
- โปรตีน 2.5 กรัม
- แคลเซียม 18 มิลลิกรัม
- ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
- เหล็ก 1 มิลลิกรัม
- วิตามินเอ 22 มิลลิกรัม
นอกจากนี้ในทุเรียนยังมีกำมะถันหรือซัลเฟอร์แม้มีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อนๆ แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีหนองแห้ง มีฤทธิ์ขับพยาธิ แต่ก็เป็นตัวทำให้เกิดอาการร้อนใน ฉะนั้นแม้ทุเรียนจะมีสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ ใยอาหาร แต่ก็มีพวกกำมะถัน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน น้ำตาลในปริมาณมาก ทำให้เมื่อกินทุเรียนร่างกายจึงได้รับพลังงานสูง
การกินทุเรียนไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพจึงต้องเป็นไปอย่างระมัดระวังซึ่งทำได้โดยกินครั้งละไม่เกิน 2 พูต่อสัปดาห์ และถ้ามื้อไหนกินทุเรียนก็ไม่ต้องกินข้าวมาก
รวมถึงหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มันจัด หวานจัด และควรกินอาหารธาตุเย็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น อาหารที่มีรสจืด เปรี้ยว ขม หรือผักผลไม้ที่มีน้ำมาก น้ำตาลต่ำ ที่สำคัญควรดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ ในวันที่กินทุเรียน, ไม่กินทุเรียนร่วมกับการดื่มเหล้า แอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มบำรุงกำลัง เพราะจะทำให้ยิ่งร้อนจัดขาดน้ำและช็อกได้ เนื่องจากกำมะถันในทุเรียนละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ทั้งยังทำให้เมาเร็วและเมาหนักขึ้น
สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ให้ระมัดระวังในการกินทุเรียน ต้องกินให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนผู้ป่วยโรคไตต้องห้ามกินเด็ดขาด เพราะทุเรียนจะมีโพแทสเซียมสูง ส่งผลให้ทวีความรุนแรงของไตได้แม้จะเป็นผลไม้ที่อร่อยล้ำแต่ก็ควรจำกัดปริมาณการกิน ฉะนั้นกับบุฟเฟ่ต์ทุเรียนที่ยั่วน้ำลายใครหลายๆ คน เราไม่แนะนำอย่างแรง เพราะไม่ว่ามองมุมไหนก็ไม่เห็นถึงประโยชน์ต่อสุขภาพ