“แปรงสีฟัน” ถือเป็นอุปกรณ์สำคัญในการสร้างรอยยิ้มสดใส การเลือกและใช้แปรงสีฟันอย่างถูกวิธีย่อมนำไปสู่การมีฟันที่สะอาดและมีสุขภาพช่องปากที่ดี
หลายครั้งหลายคราที่เราได้รับฟังข้อมูลเกี่ยวกับแปรงสีฟันที่แชร์ต่อๆ กันมาผ่านทางโลกโซเชียล ว่าแล้วไปเช็คกันดีกว่าค่ะ ว่าข้อมูลที่ว่าถูกต้องจริงหรือเปล่า?
เกี่ยวกับประเด็นที่แชร์ต่อๆ กันมาผ่านโลกโซเชียล โดยเตือนให้เปลี่ยนแปรงสีฟันที่บานๆ เพราะเป็นแหล่งสะสมแบคทีเรีย และควรล้างแปรงด้วยน้ำร้อนเพื่อฆ่าเชื้อนั้น แท้จริงแล้ว บทความยังมีความคลาดเคลื่อน เนื่องจากแปรงสีฟันไม่ได้เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคที่จะเข้าสู่กระแสเลือด เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันการติดเชื้อที่ดีพอ หลังใช้เสร็จเพียงล้างน้ำแล้วปล่อยให้แห้ง
ข้อควรรู้เกี่ยวกับการใช้และเก็บรักษาแปรงสีฟัน
- หลังจากใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดฟันแล้ว ควรล้างออกด้วยน้ำสะอาดทันที ไม่ให้เหลือเศษอาหารหรือยาสีฟันตกค้างบนแปรงสีฟัน แล้วสะบัดน้ำออกให้หมด อย่าเก็บแปรงในกล่องปิด เพราะแบคทีเรียจะเจริญเติบโตได้ดีในที่ชื้นๆ แต่ไม่จำเป็นต้องล้างด้วยน้ำร้อน เพราะอาจทำให้ขนแปรงเสียได้
- ควรทำให้แปรงสีฟันแห้งอยู่เสมอ โดยเก็บในที่ที่อากาศถ่ายเทสะดวก มีแสงแดดเข้าถึง ไม่ควรเก็บในที่อับชื้น และควรเลือกบริเวณที่ห่างจากโถชักโครก รวมถึงปิดฝาชักโครกทุกครั้งที่กดชักโครก เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคกระจายออกมา
- ไม่ใช้แปรงสีฟันร่วมกับผู้อื่น เพราะการใช้แปรงร่วมกัน มีโอกาสสัมผัสกับน้ำลาย เลือด ของอีกคนได้ง่ายมาก เสี่ยงต่อการติดเชื้อโดยตรง
- ไม่ควรเก็บแปรงสีฟันหลายๆ อันรวมกัน เพราะจะทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรค ควรเก็บแปรงสีฟันแต่ละอันแยกกันบนที่ที่เสียบแปรงสีฟัน และหันหัวแปรงขึ้นด้านบน รวมถึงควรล้างที่เสียบแปรงสีฟันให้สะอาดอยู่เสมอ
- ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันอย่างน้อยทุกๆ 2-4 เดือน อย่าใช้แปรงจนขนแปรงบาน เพราะประสิทธิภาพในการขจัดเอาเศษอาหารจะลดลง แถมยังอาจทำร้ายเหงือกอีกด้วย
นอกจากใส่ใจกับการเลือกใช้และเก็บรักษาแปรงสีฟันแล้ว สิ่งสำคัญที่นำมาซึ่งสุขภาพช่องปากที่ดีก็คือ การแปรงฟันอย่างถูกวิธีรวมถึงการใช้ไหมขัดฟันเป็นประจำค่ะ