“น้ำมันปลา” (Fish oil)
คือส่วนที่สกัดมาจากจากส่วนของเนื้อ หนัง หัว หาง ของปลาโดยเฉพาะปลาในเขตหนาว ซึ่งในน้ำปลาจะมีกรดไขมันอยู่หลายชนิด น้ำมันปลาประกอบด้วยประกอบด้วยกรดไขมันโอเมก้า-3 และกรดไขมันโอเมก้า-6น้ำมันปลาเป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้จากการรับประทานปลาหรือได้จากอาหารเสริมเพราะร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้
8 ข้อควรรู้เกี่ยวกับน้ำมันปลา
- ควรเลือกปลาที่มีแหล่งที่มาจากธรรมชาติ เช่นผลิตจากปลาทะเลมีการตรวจสอบถึงความเข้มข้นของกรดไขมัน และต้องปราศจากสารปนเปื้อนที่อาจจะติดมาด้วย
- น้ำมันปลา จากแหล่งธรรมชาติที่ดีควรมาจากปลาทะเล เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาบะ ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลานิลทะเล ปลาดุกทะเลปลาแองโชวี่ ปลาไวท์ฟิช ปลาบลูฟิช ปลาชอคฟิช
- ปลาที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ ปลาอินทรี ปลากระโทงแทงดาบ ปลาทูน่า ปลากระพง ปลาฉลาม ปลาไทล์ฟิช ปลาฮาลิบัต ปลามาลิน ปลาวอลล์อาย ปลาเก๋า ปลาสำลีน้ำลึกปลาจำพวกกะพงปากกว้าง
- การเลือกซื้ออาหารเสริมน้ำมันปลานั้น ควรจะดูที่ปริมาณ DHA และ EPA เป็นหลักโดยควรมีมากกว่าร้อยละ20 ปริมาณทั้งหมด โดยมีอัตราส่วนของ DHA : EPA เป็น 1:2 หรือ 2:3
- การรับประทานน้ำมันปลาแม้จะช่วยลดระดับของไตรกลีเซอร์ไรด์ได้ก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็ไปเพิ่มระดับไขมันร้าย LDL Cholesterol ให้สูงขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน ฉะนั้นควรยึดหลักบาลานซ์คือทานให้พอดี
- สำหรับผู้ที่แพ้ปลาก็อาจจะแพ้น้ำมันปลา ส่วนผู้ที่แพ้อาหารทะเลแนะนำว่าไม่ควรจะรับประทานน้ำมันปลา
- ผู้ที่มีภาวะความดันต่ำ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานน้ำปลา เพราะน้ำปลาจะลดความดันให้ต่ำลงไปอีก
- การรับประทานน้ำมันปลาเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดในสมองแตก