หลายๆ คนคงจะเคยได้ยินได้ฟังหรือมีความเชื่อเกี่ยวกับการกินยาดักไว้ก่อนที่จะป่วยเป็นไข้หวัด โดยคิดว่าการกินยาดักไว้เมื่อรู้สึกครั้นเนื้อครั่นตัวคล้ายจะป่วย สามารถช่วยป้องกันไข้หวัดได้ ประหนึ่งเป็นเกราะกันเชื้อโรคที่จะเข้าสู่ร่างกายได้บ้างไม่มากก็น้อย ว่าแต่ความเชื่อที่กล่าวมานี้มันถูกต้องแล้วหรือ??
“โรคหวัด” หรือ “ไข้หวัด” เป็นโรคที่พบบ่อยมาก ทั้งในผู้ใหญ่และเด็ก โดยเป็นโรคเกิดได้ตลอดปี แต่พบบ่อยกว่าในหน้าฝนและหน้าหนาว
สาเหตุส่วนใหญ่ของการเป็นหวัดเกิดจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียก่อโรค ร่วมกับสภาวะที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง เช่น เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ
โดยทั่วไปยาที่ใช้เมื่อเป็นหวัดจะเป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาตามอาการ เนื่องจากไม่มีการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ต่อเชื้อไวรัสก่อโรคโดยตรง ดังนั้น การกินยาพาราเซตามอลหรือยาแก้ไข้ต่างๆ เป็นการรักษาอาการปวด ลดไข้ ลดอาการคัดจมูก อันเนื่องมาจากการติดเชื้อไวรัสก่อโรค ไม่ได้มีฤทธิ์ป้องกันอาการป่วยเลยแต่อย่างใด สรุปคือ การกินยาดักไข้จึงไม่สามารถช่วยให้ไม่เป็นไข้หวัดได้
ส่วนยาพาราเซตตามอล ควรกินก็ต่อเมื่อมีอาการปวดหัว มึนศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว หรือมีไข้ เพราะหากยังไม่มีอาการแบบที่ว่ามานี้ แต่ไปกินยาดักไว้ก่อน โดยที่กินอย่างต่อเนื่อง ทุกวันๆ นานเข้าย่อมเกิดอันตรายแน่นอน เพราะตัวยาพาราเซตตามอลจะไปเปลี่ยนรูปที่ตับ โดยต้องอาศัยการทำงานของตับเยอะ ผลที่ตามมาคืออาจจะทำให้ตับทำงานหนัก เซลล์ตับถูกทำลาย จนอาจเกิดอาการตับอักเสบและตับวายได้
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคหวัด แต่เราสามารถป้องกันหรือลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหวัดได้ ดังนี้…
- การรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ทุกวัน โดยเน้น ผัก และผลไม้ให้มากๆ
- ดื่มน้ำสะอาดให้ได้วันละอย่างน้อย 6-8 แก้วเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ และทุกครั้งก่อนกินอาหาร และ หลังเข้าห้องน้ำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ การนอนจะช่วยทำให้ร่างกายผ่อนคลาย หายเมื่อย เพลียและอ่อนล้าได้
ที่สำคัญควรหลีกเลี่ยงการเล่นการสัมผัสกับผู้ป่วยโรคหวัด รวมถึงไม่ไปในที่แออัด เช่น ศูนย์การค้า ในช่วงที่มีการเป็นหวัดกันมาก เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการติดเชื้อค่ะ