กำลังเป็นข่าวคราวสุขภาพที่สร้างความตื่นตระหนกไม่น้อย ณ ตอนนี้สำหรับอันตรายจากการใช้ยาเออร์กอต หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันดีในฐานะยารักษาโรคไมเกรน ว่าแล้วก็ไม่ทำความรู้จักยาชนิดนี้กันให้มากขึ้นดีกว่า กันไว้ดีกว่า เพราะถ้าใช้ยาเออร์กอตแบบมั่วซั่ว มีสิทธิ์เอาชีวิตไปทิ้งได้นะเออ
ยาเออร์โกตามีน (Ergotamine)
ที่มักเรียกกันสั้นๆ ว่า ยาเออร์กอตหรือชื่อทางการค้า คือ ยาคาเฟอร์กอต (Cafergot ) เป็นสารเคมีกลุ่มอัลคาลอยด์ ถูกนำมาใช้รักษาโรคไมเกรน โดยออกฤทธิ์ทำให้หลอดเลือดหรือเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณสมองเกิดการหดตัว และทำให้อาการปวดศีรษะหายไปในที่สุด
แม้จะเป็นยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้เป็นอย่างดีในผู้ป่วยบางราย แต่กฎหมายยาของประเทศไทยก็จัดเออร์โกตามีนอยู่ในหมวดของยาอันตรายเนื่องจากหากร่างกายได้รับยานี้ในขนาดสูงมากๆ อาจได้รับอันตรายจากภาวะหลอดเลือดอุดตันหรือเกิดภาวะเนื้อตายด้วยขาดเลือดไปเลี้ยงอวัยวะนั้นๆที่สำคัญหากใช้ยาเออร์โกตามีนต่อเนื่อง ไตจะขับตัวยาเออร์กอทออกจากร่างกายยาก ทำให้สะสมในร่างกาย
อีกประเด็นเกี่ยวกับเออร์โกตามีนที่น่าเป็นห่วงมากๆ ก็คือ หากกินยาเออร์โกตามีนร่วมกับยาบางชนิด (ซึ่งมีกว่า 572 ตัว อาทิ ยาแก้ไอ, ยาแก้ปวด, ยาแก้หวัดคัดจมูก ฯลฯ) จะมีผลเสริมฤทธิ์ยาเออร์โกตามีนทำให้เส้นเลือดหดตัวรุนแรง เลือดจะไม่ไปเลี้ยงตามปลายมือปลายเท้า ส่งผลให้มือและขาดำอย่างรวดเร็วมาก ต้องตัดทิ้ง หรือบางรายอาจทำให้เสียชีวิต หรือเป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต
นอกจากนี้เออร์โกตามีน ยังมีฤทธิ์ทำให้มดลูกบีบตัวมากขึ้น จึงห้ามใช้กับหญิงตั้งครรภ์เพราะอาจก่อให้เกิดการแท้งบุตรได้ และในบางโอกาสถูกนำมาใช้รักษาอาการเลือดออกในโพรงมดลูกหลังคลอดบุตรอีกด้วยดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา
การใช้ยาเออร์โกตามีนสำหรับรักษาโรคปวดศีรษะไมเกรนจะต้องใช้เฉพาะเวลาที่มีอาการปวดเท่านั้น ห้ามใช้ติดต่อกันทุกวันเพื่อป้องกันอาการปวดศีรษะไมเกรนเด็ดขาด โดยรับประทานยาเมื่อมีอาการปวดศีรษะไมเกรนในครั้งแรก 1 หรือ 2 เม็ด จากนั้นทุกๆ ครึ่งชั่วโมงหากอาการไม่ดีขึ้นสามารถรับประทานซ้ำอีกครั้งละ 1 เม็ด แต่ห้ามรับประทานเกิน 6 เม็ดต่อวัน และห้ามรับประทานยาเกิน 10 เม็ด ต่อสัปดาห์